Camera Reviews

Reviews Canon EOS R

สามสิบปีของกล้องตระกูล EOS มีการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายให้วงการถ่ายภาพ แคนนอนได้สร้างกล้องที่รองรับการใช้งานทุกประเภท ทุกรูปแบบ ทั้งกล้องสำหรับมืออาชีพ นักถ่ายภาพสมัครเล่นจริงจัง และนักถ่ายภาพทั่วๆ ไป ที่ถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก ประสบการณ์ที่ยาวนานทำให้แคนนอนรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ช่างภาพต้องการ และจัดสรรลงในกล้องแต่ละรุ่น แต่ละรูปแบบให้เหมาะสม

และเมื่อทิศทางของตลาดกล้องดิจิตอลเริ่มหันไปสู่กล้องไร้กระจกที่เราเรียกกันว่า Mirrorless แคนนอนได้ปรับปรุงและพัฒนากล้องประเภทนี้มาควบคู่กับกล้อง DSLR กับในกล้องตระกูล EOS M ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ภาพ APS-C จนถึงรุ่นล่าสุด EOS M50 ซึ่งได้รับการตอบรับและชื่นชมจากนักถ่ายภาพอย่างมาก แต่กระแสของกล้องมิลเลอร์เลสกำลังไปสู่เซ็นเซอร์ภาพขนาดฟูลเฟรม ดังนั้นแคนนอนจึงได้พัฒนากล้องมิลเลอร์เลสใหม่เพื่อรองรับอนาคตของกล้องรูปแบบนี้ได้เต็มที่ โดยมีการพัฒนาเมาท์เลนส์ใหม่ RF Mount ที่มีความกว้างของเมาท์ถึง 54 มม. และมีระยะ Flange back 20 มม. ทั้งนี้เพื่อรองรับเลนส์ใหม่รหัส RF ที่ออกแบบระบบออพติคให้สัมพันธ์กับรูปแบบกล้องใหม่ ซึ่งจะทำให้เลนส์ใหม่มีคุณภาพสูงขึ้น ความสว่างสูงขึ้น และมีขนาดเล็กลง

EOS R คือ กล้อง Mirrorless ขนาดฟูลเฟรม ที่แคนนอนออกแบบมาเพื่อให้รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น กล้องรุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง ผมสรุปให้สั้นๆ ตามนี้ครับ

คุณภาพไฟล์ที่สูงขึ้น ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ภาพ CMOS Dual Pixel ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล กับชิปประมวลผลภาพใหม่ DIGIC 8 และระบบเลนส์ RF ใหม่ที่มีระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์ภาพสั้นลงกว่าเท่าตัว ทำให้แสงเข้าสู่เซ็นเซอร์ภาพเต็มที่ทั้งกลางภาพและขอบภาพ ผลที่ได้คือ ภาพที่มีรายละเอียดสูงกว่าทั้งกลางภาพและขอบภาพ ความสม่ำเสมอของแสงที่ดีกว่า ความใสเคลียร์สูงกว่า

ระบบโฟกัสที่ก้าวลํ้ากว่าเดิม ด้วยการใช้ระบบโฟกัส Dual Pixel AF กับจำนวนจุดโฟกัสที่มากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่โฟกัสแนวตั้ง 100% และแนวนอน 88% ผสานการทำงานกับอัลกอริธึมประสิทธิภาพสูงของ DIGIC 8 ทำให้ประสิทธิภาพในการโฟกัสของ EOS R เร็วขึ้น เป็นกล้องมิลเลอร์เลสที่โฟกัสเร็วที่สุดในโลก (กับเลนส์ RF 24-105mm ที่ช่วง 24mm ณ เดือนกันยายน 2018) และด้วยพื้นที่การโฟกัสที่กว้างมาก พร้อมระบบ Face Detection และ Eye AF ช่วยให้การทำงานของช่างภาพสะดวกขึ้น แม่นยำขึ้น หวังผลได้มากกว่าเดิม ในหลายสถานการณ์ถ่ายภาพ

เล็ก เบา ควบคุมง่าย ใช้สนุก Canon EOS R เป็นกล้องที่ออกแบบโดยบาลานซ์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ได้เล็กจนจับไม่ถนัด แต่ไม่ใหญ่จนเทอะทะ ขนาดกำลังดี กริปใหญ่ ลึก จับได้เต็มมือ นิ้วก้อยไม่หลุด นํ้าหนักกำลังพอเหมาะพอดี บาลานซ์ดีเมื่อใช้กับเลนส์ RF 24-105mm f/4L IS USM ปุ่มปรับต่างๆ จัดวางลงตัว ใช้งานสะดวก ควบคุมง่าย สามารถคัสตอมปุ่มต่างๆ ให้ทำหน้าที่ตามที่เราต้องการได้หลายตำแหน่ง โดยเฉพาะที่วงแหวนบนเลนส์ที่ออกแบบได้ยอดเยี่ยม ปรับการทำงานได้รวดเร็ว จอ LCD ที่พับออกด้านข้างปรับมุมได้อิสระ ทำให้เปิดมุมมองการถ่ายภาพได้อย่างไร้ข้อจำกัด ระบบทัชสกรีนของกล้องรุ่นนี้ตอบสนองการสั่งการได้รวดเร็ว ลื่นไหลราวกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอ็นด์ สามารถทัชสกรีนได้เต็มรูปแบบทั้ง Touch AF , Touch Shutter , Touch Pad และ Drag AF

มองภาพสบายตาราวกับช่องมองออพติคัล สิ่งที่ผมชื่นชอบ EOS R คือ ช่องมองภาพ EVF ที่มีความละเอียดสูงถึง 3.69 ล้านจุด กับการแสดงสีที่เป็นธรรมชาติ จึงมองภาพได้สบายตา ขนาดภาพใหญ่ เห็นภาพชัดเจนแม้ในสภาพแสงน้อย ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อมองภาพและใช้งาน สายตาไม่ล้าเมื่อต้องใช้งานต่อเนื่องนานๆ

แข็งแกร่ง ทนทาน EOS R ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ และทนทานต่อการใช้งานหนักของมืออาชีพ บอดี้ผลิตจากแมกนีเซียมอัลลอย ชุดชัตเตอร์ทนทาน ใช้งานได้มากกว่า 200,000 ครั้ง บอดี้ซีลป้องกันฝุ่นและละอองนํ้าตามมาตรฐานแคนนอน

จอ LCD ปรับมุมอิสระ EOS R ออกแบบให้ช่างภาพทำงานได้สะดวกทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอโดยใช้จอ LCD ขนาด 3.15 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 2.1 ล้านจุด ทำงานด้วยระบบทัชสกรีนแบบ Capacitive ปรับมุมได้อิสระ สามารถพับจอออกด้านข้างได้ 180 องศา ปรับหมุนได้ 270 องศา สะดวกต่อการทำงานวิดีโอและการเซลฟี่

รองรับเลนส์ EF และ EF-S ได้เต็มประสิทธิภาพ EOS R ผลิตออกมาพร้อมเลนส์ RF 4 รุ่น แต่สามารถใช้ร่วมกับเลนส์ EF และ EF-S ได้เต็มระบบ ผ่านอแดปเตอร์ โดยประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัสไม่ลดลง คุณภาพของเลนส์ไม่ลดลง สามารถใช้ระบบกันสั่นในเลนส์ได้ ใช้ระบบอัตโนมัติของกล้องได้ทุกรูปแบบ ทำให้นักถ่ายภาพที่มีเลนส์ EF ของแคนนอนอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้งานกับกล้องรุ่นนี้ได้โดยไม่ต้องกังวล โดยอแดปเตอร์มีให้เลือกถึง 3 รุ่นคือ อแดปเตอร์รุ่นมาตรฐาน, EF-EOS R Control Ring Mount Adapte EF-EOS R (มีวงแหวนควบคุมที่อแดปเตอร์ สามารถใช้ปรับการทำงานฟังก์ชันที่เลือกไว้ได้) และ Drop-in Filter Mount Adapter (มีช่องใส่ฟิลเตอร์ Variable ND และ CPL ที่อแดปเตอร์ จึงสามารถใช้ฟิลเตอร์กับเลนส์ Super wide หรือ Super Telephoto ได้สะดวก

วิดีโอ 4K กับ Dual Pixel CMOS AF กล้องรุ่นนี้ออกแบบให้รองรับการทำงานของช่างภาพวิดีโอได้ดี โดยให้คุณภาพวิดีโอระดับ 4K/30p มีช่องต่อไมโครโฟนและหูฟัง ระบบออโตโฟกัสทำงานได้เยี่ยมยอดในการบันทึกวิดีโอ สามารถย้ายจุดโฟกัสด้วยการลากนิ้วบนหน้าจอ LCD ได้ ทำให้การชิพท์โฟกัสทำได้ราบเรียบ นุ่มนวล ต่อเนื่อง มีฟังก์ชั่น C-Log ในตัวกล้อง สำหรับงานระดับมืออาชีพที่ต้องการไฟล์คุณภาพสูงสำหรับการเกรดดิ้งสี สามารถต่ออุปกรณ์บันทึกภายนอกผ่านพอร์ต HDMI ด้วยคุณภาพระดับ 10 บิต 4:2:2 ที่มีบิตเรตสูงถึง 400 mbps (ALL-I) นอกจากนั้นยังมีระบบลดการสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ 5 แกนที่ทำงานได้ยอดเยี่ยมในการบันทึกวิดีโอ 2 โหมด คือ Enable และ Enahanced โดยกล้องจะครอปภาพจากปกติ และทำงานลดการสั่นไหวด้วยการประมวลผลร่วมกับข้อมูลที่ได้จากภาพบนเซ็นเซอร์ จึงให้ภาพที่นิ่งมากแม้ถือกล้องด้วยมือ

Customize การปรับตั้งได้มากมาย EOS R ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถปรับตั้งการทำงานของฟังก์ชั่นหลายอย่างไว้ในปุ่มต่างๆ ได้ถึง 14 จุด และยังสามารถปรับฟังก์ชั่นไว้ใน M-Fn bar ได้อีกหลายอย่าง ทำให้ EOS R เป็นกล้องที่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานยอดเยี่ยม สามารถเซ็ทให้เหมาะกับช่างภาพแต่ละคนได้อย่างละเอียด จึงเป็นกล้องที่ใช้งานคล่องตัวสูง กับการถ่ายภาพทุกรูปแบบ

เชื่อมต่อสะดวกโอนภาพได้แม้ปิดกล้อง EOS R สามารถถ่ายโอนภาพไปยังสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ด้วยฟังก์ชั่น Wi-Fi ในตัวที่ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว และยังมาพร้อมฟังก์ชั่นบลูทูธที่ใช้พลังงานน้อย และโดดเด่นด้วยการออกแบบให้สามารถโอนภาพเข้าสมาร์ทโฟนได้ แม้กล้องปิดการทำงานอยู่


ผลการใช้งาน

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/8 sec f/4 ISO200

Canon EOS R; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/160 sec f/11 ISO200

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/15 sec f/5.6 ISO400

ผมได้ลองใช้งาน CANON EOS R ประมาณ 15 วัน พร้อมเลนส์ RF 24-105mm f/4L IS USM และใช้ร่วมกับเลนส์ EF 16-35mm f/2.8L IS III , EF 70-200mm f/4L IS ผ่านอแดปเตอร์

Canon EOS R; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/40 sec f/8 ISO1600

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/125 sec f/10 ISO200

นี่คือกล้องที่บอกได้เลยครับว่า ใช้สนุกมาก เป็นกล้องที่ใช้ง่าย เมนูเข้าใจง่าย ปรับตั้งง่าย(แต่คัสตอมได้เพียบ) การจับถือดีเยี่ยม แทบไม่รู้สึกเลยว่ากำลังจับกล้องมิลเลอร์เลสอยู่ เพราะกริปมีขนาดใหญ่และลึก ปุ่มปรับต่างๆ วางอยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ใช้งานสะดวก ระบบออโตโฟกัสดีมากครับ EOS R กับเลนส์ RF 24-105mm f/4L IS USM นั้น การโฟกัสรวดเร็วน่าประทับใจมาก เร็วกว่า EOS 5D MK IV ที่ติดเลนส์ EF 24-105mm f/4L IS II USM แน่นอน ภาพแทบจะชัดในทันทีที่แตะปุ่มลั่นชัตเตอร์ลงไปครึ่งหนึ่ง การโฟกัสแม่นยำมากตามมาตรฐาน Hybrid AF ที่ Fine Tune การโฟกัสจังหวะสุดท้ายด้วยระบบตรวจจับคอนทราสต์ การโฟกัสต่อเนื่องในโหมด SERVO ก็น่าพอใจเช่นกัน กับเลนส์ RF 24-105mm การโฟกัสติดตามวัตถุทำได้รวดเร็ว แม่นยำ ผมลองกับเลนส์ EF 70-200mm f/4L IS USM ผ่านอแดปเตอร์พบว่าความเร็วยังดีมาก ทั้งโหมด ONE SHOT และ SERVO การโฟกัสในสภาพแสงน้อยเยี่ยมยอด แม่นและความเร็วยังดีมาก ทำให้การทำงานในสภาพแสงน้อยไม่มีอุปสรรค การโฟกัสกับซับเจกต์ที่ย้อนแสงแรงๆ ไม่มีปัญหาใดๆ ยังโฟกัสได้แม่นยำ แม้ซับเจกต์เคลื่อนที่ ในส่วนของคุณภาพไฟล์นั้นต้องบอกว่าหาก

ผมทดสอบความคมชัด และสัญญาณรบกวนโดยบันทึกด้วย Canon EOS R กับเลนส์ RF 24-105mm f/4L IS USM ที่ช่วงซูม 50mm กับ f/8 แล้วครอปจากภาพเต็มขยายขึ้นมาให้เห็นคุณภาพกันชัดๆ ว่าที่ความไวแสงสูง ภาพจาก EOS R เป็นอย่างไร เรียงตามลำดับจาก ISO 1600, 3200, 6400,12800 และ 25600 ครับ

คุณพอใจไฟล์จากกล้องใหญ่หลายๆ ตัวมา ภาพที่ได้จาก EOS R จะน่าประทับใจยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยีจาก DIGIC 8 ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดสูง ไฟล์ JPEG สีสันอิ่มแน่น คมชัดมาก การไล่โทนสีนุ่มนวลและสีผิวดีมาก ใครที่ชื่นชอบ Skin ของกล้องแคนนอน กล้องรุ่นนี้ให้ภาพถูกใจแน่นอน การจัดการกับสัญญาณรบกวนก็ทำได้ดีมาก ที่ ISO 1600 ภาพเนียนน่าพอใจมาก รายละเอียดดีมาก ที่ ISO 3200 ภาพที่ได้ยังเนียนใสมี Noise เล็กน้อยแต่รายละเอียดยังดี ที่ ISO 6400 ภาพยังโอเคครับ รายละเอียดยังค่อนข้างดี สีสันดรอปลงเล็กน้อยเท่านั้น ที่ ISO 12800 ภาพยังอยู่ ในระดับยอมรับได้ สีสันยังดี ผมลองถึง ISO 25600 ภาพที่มี Noise ชัดเจน แต่รายละเอียดยังใช้ได้ ประสิทธิภาพในด้านนี้น่าประทับใจครับ ทำให้ EOS R เป็นกล้องที่ทำงานได้ในทุกสภาพแสง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ไวแสงอย่าง RF 35mm f/1.8 Macro USM และ RF 50mm f/1.2L USM

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/13 sec f/6.3 ISO400

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/40 sec f/5 ISO25600

Canon EOSR ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/125 sec f/4 ISO6400

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/125 sec f/4 ISO12800

ระบบวิดีโอใช้งานคล่องตัวดี ฟีเจอร์ด้านวิดีโอให้มามากพอควร เพียงพอต่อการใช้งาน จุดที่ผมชอบคือระบบกันสั่นแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานดีมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้ที่ Enhanced ภาพนิ่งมากครับ ถือกล้องด้วยมือโดยไม่มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ช่วย ภาพก็ยังนิ่งมากแม้เดินถือถ่าย การโฟกัสในภาควิดีโอทำได้ดี นุ่มนวล ราบเรียบและแม่นยำ และด้วยการใช้เซ็นเซอร์ Dual Pixel ทำให้สามารถย้ายจุดโฟกัสด้วยการลากนิ้วบนหน้าจอ LCD ได้เลย

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/30 sec f/4 ISO3200

สิ่งที่ประทับใจใน EOS R มากคือ มันเป็นกล้องที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เป็นกล้องที่สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกโอกาสทั้งการทำงานจริงจัง และการใช้ถ่ายภาพเล่นๆ ในชีวิตประจำวัน เมื่อใช้กับเลนส์ RF 24-105mm f/4L IS USM มันคือความสุขของคนถ่ายภาพอย่างแท้จริงครับ โดยเฉพาะการใช้โหมด FV นั้น มันเปลี่ยนความคิดของผมกับเรื่องโหมด P, AV , TV , และ M ไปอย่างสิ้นเชิง FV เป็นโหมดที่ใช้สนุกมากและใช้งานได้คล่องตัวมาก ออกแบบได้เยี่ยมยอดจริงๆ ส่วน M-Fn bar นั้น ก็ป็นไอเดียที่ดี แต่ต้องใช้ให้คุ้นสักหน่อยจึงจะคล่องตัว และที่ชอบมากๆ คือ เมื่อถอดเปลี่ยนเลนส์ หากปิดสวิทช์การทำงานจะมีม่านชัตเตอร์ปิดหน้าเซ็นเซอร์ภาพ ทำให้ช่วยป้องกันฝุ่นได้ดี


ความเห็น

Canon EOS R ; RF24-105mm F4 L IS USM ; 1/200 sec f/4 ISO6400

EOS R เป็นกล้องที่ดีในแบบที่มันเป็น ผมไม่ได้มองว่ามันเก่งในทุกเรื่อง แต่มันทำได้ดีในส่วนสำคัญที่ช่างภาพส่วนใหญ่ต้องการ เป็นกล้อง Mirrorless ขนาดฟูลเฟรมที่น่าสนใจมากรุ่นหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF ใหม่ แนะนำเป็นพิเศษเลยครับ

ด้วยเทคโนโลยีของกล้อง Canon EOS R ที่มีระยะห่างจากท้ายเลนส์ถึงเซ็นเซอร์ภาพ( Flange back) ที่สั้นเพียง 20 มม. ทำให้การออกแบบเลนส์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และแคนนอนก็อาศัยประโยชน์จากจุดนี้สร้างเลนส์ในตระกูล RF ใหม่ เลนส์ที่ใช้เทคโนโลยีการออกแบบระบบออพติคที่ลํ้าหน้า ส่งผลให้เลนส์ RF ให้คุณภาพได้เยี่ยมยอดโดยเฉพาะการถ่ายทอดรายละเอียดที่สูงขึ้นทั้งกลางภาพและขอบภาพ ความสม่ำเสมอของแสงบนภาพ การควบคุมแฟลร์  เลนส์ RF ผลิตออกมาชุดแรก 4 รุ่น คือ RF 24-105mm f/4L IS USM, RF 28-70mm f/2L USM, RF 50mm f/1.2L USM และ RF 35mm f/1.8IS STM Macro

RF 24-105mm f/4L IS USM

ออกแบบให้มีขนาดเล็กและนํ้าหนักเบา โดยใช้ชิ้นเลนส์ 18 ชิ้น 14 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัล 3 ชิ้น เพื่อภาพที่คมชัดจากกลางภาพถึงขอบภาพและชิ้นเลนส์ UD 1 ชิ้นเพื่อลดความคลาดสี ใช้ไดอะแฟรมทรงกลม 9 ใบ ให้โบเก้สวยงาม มีวงแหวนควบคุมด้านหน้าเพื่อการควบคุมการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ได้ ใช้ระบบเคลือบผิวเลนส์ Air Sphere Coating (ASC) เพื่อลดแสงฟุ้งและภาพหลอน เป็นเลนส์ L รุ่นแรกที่ใช้มอเตอร์ใหม่ NANO USM ที่ผสานจุดเด่นของมอเตอร์ USM ที่ทรงพลัง กับมอเตอร์ STM ที่เงียบและนุ่มนวล ทำให้เลนส์รุ่นนี้โฟกัสได้เร็วมากและยังใช้งานได้ดีกับการบันทึกวิดีโอ ให้คุณภาพสูงตลอดช่วงซูม มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในเลนส์ลดการสั่นไหวได้ 5 สตอป เลนส์มีการซีลป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า กระบอกเลนส์ออกแบบให้แข็งแรง ทนต่อการกระทบกระแทกเพื่อให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ระยะโฟกัสใกล้สุด 0.45 เมตร ขนาดฟิลเตอร์ 77 มม. นํ้าหนัก 700 กรัม


RF 28-70mm f/2L USM

เลนส์ซูมความไวแสงสูงถึง F2 ตลอดช่วงซูม ออกแบบเพื่อให้เป็นที่สุดทั้งความสว่างและคุณภาพ ให้คุณภาพสูงในระดับเดียวกับเลนส์ทางยาวโฟกัสเดียว และให้ภาพที่มีรายละเอียดสูงมากตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุด f/2 ให้ภาพคมชัดจากขอบถึงขอบ ด้วยโครงสร้างชิ้นเลนส์ 19 ชิ้น 13 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัล 4 ชิ้น ชิ้นเลนส์ UD 2 ชิ้นและชิ้นเลนส์ Super UD 1 ชิ้นเพื่อลดความคลาดสี ใช้ไดอะแฟรมทรงกลม 9 ใบ ให้โบเก้สวยงาม ฉากหลังเบลออย่างนุ่มนวล ระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ 0.39 เมตร วงแหวนควบคุมด้านหน้าเพื่อการทำงานและสั่งการที่รวดเร็ว ใช้ระบบเคลือบผิวเลนส์ Air Sphere Coating (ASC) เพื่อลดแสงฟุ้งและภาพหลอน เลนส์ชิ้นหน้าและท้ายเคลือบผิวแบบฟลูออรีนเพื่อป้องกันหยดนํ้า เลนส์มีการซีลป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า กระบอกเลนส์ออกแบบให้แข็งแรง ทนต่อการกระทบกระแทกเพื่อให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ขนาดฟิลเตอร์ 95 มม. นํ้าหนัก 1430 กรัม


RF 50mm f/1.2L USM

ออกแบบด้วยระบบออพติคลํ้าหน้าเพื่อให้เป็นเลนส์มาตรฐานความไวแสงสูงที่ให้คุณภาพเยี่ยมยอดเป็นพิเศษ ให้ภาพที่มีรายละเอียดสูงมากตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุด f/1.2 ให้ภาพคมชัดจากขอบถึงขอบ โดยใช้ชิ้นเลนส์ 15 ชิ้น 9 กลุ่ม มีชิ้นเลนส์แอสเฟอริคัล 3 ชิ้น เพื่อสร้างภาพที่คมชัดจากกลางภาพถึงขอบภาพและชิ้นเลนส์ UD เพื่อลดความคลาดสี ใช้ไดอะแฟรมทรงกลม 10 ใบ ให้โบเก้สวยงาม ฉากหลังเบลออย่างนุ่มนวล ระยะโฟกัสใกล้สุดของเลนส์ 0.4 เมตร ให้อัตราขยายสูงถึง 0.19X จึงใช้ถ่ายภาพบุคคลแบบโคลสอัพได้ดีเป็นพิเศษ เลนส์รุ่นนี้ออกแบบให้มีดิสทอร์ชันตํ่า มีวงแหวนควบคุมด้านหน้าเพื่อการทำงานและสั่งการที่รวดเร็ว ใช้ระบบเคลือบผิวเลนส์ Air Sphere Coating (ASC) เพื่อลดแสงฟุ้งและภาพหลอน เลนส์ชิ้นหน้าและท้ายเคลือบผิวแบบฟลูออรีนเพื่อป้องกันหยดนํ้าและคราบต่างๆ เลนส์มีการซีลป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า กระบอกเลนส์ออกแบบให้แข็งแรง ทนต่อการกระทบกระแทกเพื่อให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ขนาดฟิลเตอร์ 77 มม. นํ้าหนัก 950 กรัม


RF 35mm f/1.8 Macro IS STM

เลนส์มุมกว้างความสว่างสูงที่ออกแบบให้มีขนาดเล็กเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานที่คล่องตัวและยังเป็นเลนส์มุมกว้างไวแสงรุ่นแรกที่เป็นเลนส์มาโครโดยให้อัตราขยาย 1:2 กับระยะโฟกัสใกล้สุด 0.17 เมตร จึงเป็นเลนส์ติดตัวกล้อง EOS R ที่ใช้ได้อเนกประสงค์ ใช้ชิ้นเลนส์ 11 ชิ้น 9 กลุ่ม มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในเลนส์ที่ลดการสั่นไหวได้ถึง 5 สตอป ให้คุณภาพสูงทั้งความคมชัด คอนทราสต์และการควบคุมแฟลร์ มีวงแหวนควบคุมด้านหน้าสำหรับการปรับฟังก์ชันต่างๆ ในการใช้งาน ใช้มอเตอร์ STM ที่ทำงานได้เงียบและนุ่มนวล สามารถใช้ร่วมกับแฟลช Macro Twin Lites และ Macro Ring Lites ได้ ขนาดฟิลเตอร์ 52 มม. นํ้าหนัก 305 กรัม

 

เรื่อง  : อิสระ เสมือนโพธิ์ / ภาพ : Canon / อิสระ เสมือนโพธิ์

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง ไทยแลนด์ จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://th.canon


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หากเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดไลค์และแชร์ด้วยนะครับ
FOTOINFO มี LINE@ OFFICIAL แล้ว !!! อย่าลืมแอดไลน์ @FOTOINFO (หรือสแกน QR Code ในภาพนี้)

? ขอบคุณครับ


ติดตามเทคนิค ความรู้เรื่องการถ่ายภาพ กิจกรรมถ่ายภาพ และสิทธิประโยชน์มากมาย ส่งตรงถึงคุณ ได้ที่นี่ FotoinfoPlus


หรือสนใจดูรีวิวรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/reviews-previews/reviews-reviews