Camera Reviews

Reviews : Canon EOS 6D Mark II

Canon EOS 6D เป็นกล้องที่ได้รับความนิยมสูงมากทั้งตลาดต่างประเทศและบ้านเรา ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเกือบห้าปีก่อน ด้วยความลงตัวเรื่องราคา คุณภาพ การใช้งาน และความคล่องตัว จึงเป็นกล้องที่มีตลาดกว้างมากตั้งแต่มืออาชีพ ระดับจริงจัง ไปจนถึงระดับสมัครเล่น และแทบไม่น่าเชื่อว่า Canon EOS 6D จะเป็นกล้องที่อยู่ในสายการผลิตนานมาก คือ เกือบห้าปี ในขณะที่กล้อง DSLR ทั่วไปจะมีอายุการทำตลาดประมาณ 2-3 ปี และนี่ก็คงถึงเวลาที่กล้องรุ่นนี้จะต้องปรับเปลี่ยนรุ่นด้วยรหัส Mark II ต่อท้าย  ซึ่งไม่ใช่การเปลี่ยนแบบโมเนอร์เชนจ์ แต่เป็นโมเดลเชนจ์ ด้วยการพัฒนาระบบการทำงานใหม่หมด เพื่อรองรับกับความต้องการของช่างภาพในปัจจุบันและรองรับรูปแบบการถ่ายที่หลากหลายกว่าเดิม

จุดเด่นของ Canon EOS 6D Mark II

  • กล้อง DSLR ขนาดฟูลเฟรมที่เล็กที่สุดในโลก
  • เซ็นเซอร์รับภาพใหม่ Dual Pixel CMOS 26.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบออโต้โฟกัสระดับ Advanced
  • ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 6.5 ภาพ/วินาที
  • จอ LCD 3.0 นิ้วแบบปรับมุมได้อิสระ
  • ช่องมองภาพออพติคัลคุณภาพสูง
  • บันทึกวิดีโอ Full HD 60p
  • แชร์ภาพได้สะดวก
  • โครงสร้างแข็งแรง

ประสิทธิภาพและการออกแบบ

EOS 6D Mark II ออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใกล้เคียงกับรุ่นเดิม  ขนาดและนํ้าหนักก็ใกล้เคียงกัน ตัวกล้องมีขนาดปานกลาง จับถือกระชับมือและมั่นคงดีมาก แม้จะไม่ใช้กริปก็จับได้เต็มมือ สันกริปด้านในตัดชัน เซาะร่องนิ้วมาลงตัว ทำให้การจับถือไม่มีที่ติ ด้านบนตัวกล้องวางแป้นควบคุมด้านหน้าไว้ส่วนบนตัวกล้อง ปรับได้ถนัด ด้านหน้าแป้นวางปุ่มปรับเลือกพื้นที่โฟกัสที่สามารถกดเปลี่ยนพื้นที่โฟกัสได้โดยไม่ต้องใช้ร่วมกับแป้นควบคุม โดยจะแสดงพื้นที่โฟกัสให้เห็นบนจอรับภาพในช่องมอง  ระบบที่ใช้งานบ่อยทำเป็นปุ่มวางอยู่ด้านหน้าจอ LCD บนตัวกล้อง 4 ปุ่มคือ ปุ่มปรับเลือกระบบโฟกัส (One shot , AI Focus , AI Servo) ปุ่มปรับระบบเลื่อนภาพ (DRIVE) ปุ่มปรับความไวแสง (ISO) ปุ่มปรับระดับวัดแสง และขวาสุดเป็นปุ่มเปิดไฟดูข้อมูลบนจอ LCD (ไฟสีส้ม)

ซีกซ้ายบนตัวกล้องเป็นแป้นปรับโหมด โดยยังคงมีโหมด AUTO+, CA และ SCENE MODE อยู่  มีโหมด P,AV,TV และ M  และสามารถปรับตั้งค่าการบันทึกภาพต่างๆ ไว้ในช่อง Custom ได้อีก 2 ช่อง คือ C1 กับ C2  แป้นปรับโหมดของกล้องรุ่นนี้ต้องกดปุ่มปลดล็อกก่อนจึงจะปรับได้

สวิทซ์เปิดปิดการทำงานวางไว้ด้านหลังแป้นปรับโหมด ใช้งานได้สะดวกคล่องตัวดี ด้านหลังตัวกล้องวางปุ่มปรับไม่แตกต่างจากรุ่นเดิม โดยส่วนบนซีกขวาเป็นปุ่มย้ายจุดโฟกัส ปุ่มล็อกความจำแสง  ปุ่ม AF ON  ก้านปรับเลือกระบบภาพนิ่ง/วิดีโอ (ปุ่มบันทึกวิดีโออยู่ด้านใน) ถัดลงมาเป็นปุ่มซูมขยายภาพ  ปุ่ม PLAY และปุ่ม Q แป้นสี่ทิศทางยังออกแบบเหมือนเดิม โดยเป็นปุ่มลบภาพ  จอ LCD ของ EOS 6D Mark II ออกแบบใหม่ให้สามารถพับออกด้านข้าง และบิดหมุนจอได้ 270 องศา ทำให้การถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมตํ่าทำได้สะดวกอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะถ่ายภาพแนวนอนหรือแนวตั้ง และใช้ประโยชน์ได้อย่างมากในการบันทึกวิดีโอ

นอกจากนั้นยังเป็นจอทัชสกรีนแบบ Capacitive ที่สามารถทัชสกรีนได้เต็มรูปแบบ ทั้ง Touch AF,Touch shutter และ Touch menu รวมทั้งสะดวกในการดูภาพ เลื่อนภาพ ซูมขยายภาพสามารถใช้การปัดนิ้ว ถ่างนิ้วได้เหมือนกับสมาร์ทโฟน ทำให้การเข้าฟังก์ชันที่ต้องการทำได้ง่าย โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับปุ่ม Q แล้วแตะหน้าจอไปยังระบบที่ต้องการ จะปรับตั้งได้เร็วมาก ช่องใส่ SD card วางด้านข้าง เปิดปิดด้วยบานพับ ส่วนแบตเตอรี่ยังคงเป็นรุ่น LP-E6N โดยช่องใส่แบตเตอรี่อยู่ด้านล่าง  ช่องต่อสาย USB และ HDMI วางด้านข้างบอดี้ปิดด้วยแผ่นยาง ช่อง HDMI เป็นแบบ Mini HDMI มีช่องต่อไมโครโฟนภายนอกแยกออกมาต่างหาก ใช้แจ็คมาตรฐานขนาด 3.5 มม. ช่องต่อสายลั่นชัตเตอร์วางอยู่ด้านหน้าตัวกล้อง ใต้ปุ่มถอดเปลี่ยนเลนส์

กล้อง DSLR ขนาดฟูลเฟรมที่เล็กที่สุดในโลก   
EOS 6D Mark II เป็นกล้องที่มีนํ้าหนักเพียง 685 กรัม เล็กและเบาอย่างยิ่ง ทำให้สะดวกต่อการพกพาและการเดินทาง และเป็นกล้อง DSLR ขนาดฟูลเฟรมรุ่นแรกของโลกที่ใช้จอ LCD แบบปรับมุมได้อิสระ พร้อมระบบทัชสกรีนเต็มรูปแบบ

เซ็นเซอร์รับภาพใหม่ Dual Pixel CMOS 26.2 ล้านพิกเซล  EOS 6D Mark II ออกแบบเซ็นเซอร์รับภาพใหม่ โดยใช้เซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel ที่ติดตั้งระบบโฟกัสแบบเฟสดีเทคชั่นบนเซ็นเซอร์เพื่อรองรับการโฟกัสต่อเนื่องเมื่อใช้ Live View หรือเมื่อบันทึกวิดีโอ และยังพัฒนาการออกแบบวงจรในเซ็นเซอร์รับภาพ ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง สัญญาณรบกวนตํ่า  EOS 6D Mark II ใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC 7 รุ่นล่าสุด ที่มีพลังในการประมวลผลยอดเยี่ยม ให้ภาพที่เต็มไปด้วยรายละเอียดแม้ใช้ความไวแสงสูง โดยสามารถตั้งความไวแสงได้ตั้งแต่ ISO 100-40000 และขยายได้ที่ ISO 50 (L),ISO 51200 (H1) และ ISO 102400 (H2)

ระบบออโต้โฟกัสระดับ Advanced  EOS 6D Mark II พัฒนาระบบออโต้โฟกัสจากรุ่นเดิมไปอย่างมากเพื่อรองรับการใช้งานระดับมืออาชีพและระดับจริงจัง ด้วยการใช้ระบบโฟกัส 45 จุด โดยเป็นเซ็นเซอร์แบบกากบาท (Cross Type) ทั้ง 45 จุด ทำให้มีประสิทธิภาพในการโฟกัสดีเยี่ยมแม้ในสภาพแสงน้อยหรือวัตถุมีคอนทราสต์ตํ่า และช่วยให้การโฟกัสต่อเนื่องติดตามวัตถุในโหมด AI SERVO มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นเดิมอย่างมาก  นอกจากนั้นเซ็นเซอร์จุดกลางยังเป็นแบบ Dual Cross ที่รองรับการทำงานร่วมกับเลนส์ f/2.8 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้แม้ในที่แสงน้อยเพียง -3EV  และที่โดดเด่น คือ มีจุดโฟกัสถึง 27 จุด ที่สามารถใช้งานกับเลนส์ f/8 ได้ (เช่นเลนส์ 100-400mm. f/4.5-5.6 ต่อเทเลคอนเวอร์เตอร์ 1.4 X หรือ 300mm. f/4L IS ต่อด้วยเทเลคอนเวอร์เตอร์ 2X)   โดยใน 27 จุดนี้จะทำงานแบบ Cross Type ได้ถึง 9 จุด ระบบโฟกัสสามารถเลือกพื้นที่โฟกัสได้ 5 รูปแบบ รองรับการใช้งานในสถานการณ์ที่แตกต่างกันได้เป็นอย่างดี โดยสามารถปรับเลือกพื้นที่โฟกัสที่ต้องการได้ง่าย และในการใช้งานสามารถชิฟท์จุดโฟกัสได้ง่ายด้วยการใช้แป้นสี่ทิศทาง

ในส่วนของ Live View โดดเด่นด้วยระบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ทำงานด้วยระบบเฟสดีเทคชันบนเซ็นเซอร์ ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุเยี่ยมยอด สามารถ Touch AF เมื่อซับเจกต์หลุดออกนอกพื้นที่โฟกัสเดิม และทำงานได้ดีทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ

EOS 6D Mark II มาพร้อมฟังก์ชันสำหรับการควบคุมการทำงานของระบบออโต้โฟกัสค่อนข้างมาก ใกล้เคียงกับกล้องระดับโปร สามารถปรับตั้ง AF Tracking Sensitivity ได้ ปรับเลือกความเร็วในการแทรคได้ และอื่นๆ อีกหลายอย่าง

ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 6.5 ภาพ/วินาที   EOS 6D Mark II เพิ่มประสิทธิภาพด้านความเร็วให้สูงกว่าเดิมในทุกๆ ด้าน นอกเหนือจากความเร็วในการโฟกัสและความเร็วในการตอบสนองการทำงานแล้ว ความเร็วในการถ่ายภายต่อเนื่องยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6.5 ภาพ/วินาที (บันทึกด้วยความละเอียดสูงสุด) เร็วเพียงพอที่จะเก็บแอคชั่นที่สำคัญได้อย่างไม่พลาด

ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 6.5 ภาพ/วินาที ช่วยให้โอกาสได้ภาพที่จังหวะดีมีมากขึ้น อย่างเช่นภาพนี้การกดรัวต่อเนื่องเป็นชุด มักจะมี 1 ภาพในชุดที่จังหวะค่อนข้างโอเค แตกต่างจากเดิมที่อาจไม่ได้จังหวะที่ต้องการเลยแม้จะถ่ายหลายๆ ชุดก็ตาม  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 24-105mm f/4L II IS USM (ใช้ที่ช่วง 105 มม.) ; 1/1600 Sec f/8, WB : 2900K, Mode : M, ISO 3200

จอ LCD 3.0 นิ้วแบบปรับมุมได้อิสระ  ครั้งแรกในโลกของกล้อง DSLR ขนาดฟูลเฟรมที่สามารถปรับจอ LCD ได้อิสระ โดยจอ LCD ของ EOS 6D Mark II สามารถพับออกด้านข้างได้ 180 องศา และปรับหมุนได้ 270 องศา จึงทำให้คุณสามารถถ่ายภาพมุมสูง มุมตํ่า ได้สะดวก ไม่ว่าจะบันทึกภาพเป็นแนวนอนหรือแนวตั้ง

จอ LCD มีขนาด 3.0 นิ้ว ความละเอียด 1.04 ล้านจุด ทำงานด้วยระบบทัชสกรีนแบบ Capacitive ที่ตอบสนองการทำงานได้ไว สามารถทัชสกรีนได้เต็มรูปแบบทั้ง Touch AF และ Touch Menu ในโหมด Play สามารถปัดนิ้วเพื่อเลื่อนภาพเดินหน้า ถอยหลังได้ ซูมขยายภาพย่อภาพด้วยการถ่างนิ้ว เข้า-ออก และแตะนิ้ว 2 ครั้ง บนหน้าจอเพื่อขยายภาพได้  ทำให้การใช้งานคล่องตัวอย่างยิ่ง

ช่องมองภาพออพติคัลคุณภาพสูง  ด้วยการใช้ปริซึมห้าด้านขนาดใหญ่ ทำให้ภาพที่เห็นในช่องมองของ EOS 6D Mark II มีความสว่างสูง ขนาดภาพใหญ่เห็นภาพได้ชัดเจน เต็มตา มองภาพและจัดองค์ประกอบภาพสะดวก โดยเห็นภาพ 98% ของภาพจริง มีอัตราขยายช่องมอง 0.17X (กับเลนส์ 50 มม. ที่ระยะอินฟินิตี้) มีระยะ Eye point 21 มม. ปรับสายตาได้ -3.0 ถึง +1.0 ไดออฟเตอร์ และสามารถแสดงจุดโฟกัสที่ใช้งานให้เห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง

บันทึกวิดีโอ Full HD 60p  EOS 6D Mark II ให้คุณภาพวิดีโอระดับ Full HD 60p โดยสามารถใช้ระบบออโต้โฟกัสแบบ Dual Pixel CMOS AF ในการทำงานได้ สามารถชิฟท์จุดโฟกัสด้วยการแตะหน้าจอ สามารถลากนิ้วบนหน้าจอ LCD เพื่อโฟกัสติดตามซับเจกต์และสามารถใช้ระบบโฟกัสติดตามใบหน้าได้ สามารถบันทึกวิดีโอในโหมดแมนนวลได้ และมีช่องต่อไมโครโฟนภายนอก

แชร์ภาพได้สะดวก EOS 6D Mark II มาพร้อมฟังก์ชั่น Wi-Fi, NFC และบลูทูธ ให้คุณแชร์ภาพไปยังสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้สะดวกรวดเร็วและเมื่อใช้ร่วมกับแอพ Canon Camera Connect จะสามารถใช้สมาร์ทโฟนในการควบคุมกล้อง  ปรับตั้งค่าการทำงาน เช่น ความเร็วชัตเตอร์ รูรับแสง  ISO แล้วสั่งบันทึกภาพจากสมาร์ทโฟนได้  การถ่ายโอนภาพมายังสมาร์ทโฟนทำได้รวดเร็วและง่ายดาย และด้วยฟังก์ชัน NFC การโอนภาพจะทำได้สะดวกและรวดเร็ว ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ  รวมทั้งยังสามารถโอนภาพและวิดีโอไปยัง Canon Connect Station CS100 ได้ง่าย เพื่อให้ช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอดูผลงานได้อย่างรวดเร็ว  นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชันบลูทูธเพื่อการเชื่อมต่อที่ประหยัดพลังงาน  และยังมี GPS ในตัวทำให้ช่างภาพสามารถรู้พิกัดของสถานที่ถ่ายภาพได้อย่างแม่นยำ โดยข้อมูลสถานที่จะแนบไปกับไฟล์ภาพ

โครงสร้างแข็งแรง  Canon EOS 6D Mark II ออกแบบให้ช่างภาพสามารถทำงานได้ในทุกสถานการณ์และทุกสภาพอากาศ  โดยใช้โครงสร้างที่ผสานระหว่างอลูมินัมอัลลอยกับโพลีคาร์บอเนตเรซิน เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่นํ้าหนักเบา มีการซีลป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า ช่างภาพสามารถทำงานได้แม้ในสภาพอากาศเลวร้าย

ฟังก์ชันที่น่าสนใจ   EOS 6D Mark II มีระบบการทำงานที่น่าสนใจหลายอย่างสำหรับการใช้งานของช่องมองภาพ เช่น มีระบบถ่ายภาพซ้อน มีระบบ HDR Movie เพื่อดึงรายละเอียดในส่วนสว่างและส่วนมืดให้เห็นรายละเอียดชัดเจน  มีระบบ 4 K Time Lapse  มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว แบบ 5 แกน  ที่ทำงานกับระบบวีดีโอ  Full  HD  ให้ภาพนิ่งแม้เดินถือกล้องด้วยมือ

ผลการใช้งาน

เซ็นเซอร์ Cross Type 45 จุดทำให้การหาโฟกัสแม่นยำดีมาก  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 70-300mm f/4-5.6L IS USM (ใช้ที่ช่วง 260 มม.) ; 1/1000 Sec f/5.6, WB : Auto, Mode : M, ISO 400

โดยส่วนตัวแล้ว  ผมใช้  EOS 6D  มาตั้งแต่กล้องรุ่นนี้เปิดตัวเมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว และก็ใช้งานได้ดี ไฟล์ภาพก็ดีทีเดียว แม้จะไม่โดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่ง  แต่รวมๆ แล้วก็เป็นกล้องที่ผมชอบรุ่นหนึ่ง กับ EOS 6D Mark II  สิ่งที่ได้เพิ่มมาก็คือ อะไรที่ผมเคยรู้สึกว่าเป็นจุดอ่อนของ EOS 6D  มันได้ถูกปรับแก้แทบทั้งหมด  อย่างเช่นระบบโฟกัส 11 จุด ของ EOS 6D ที่เป็น Cross Type ที่ตำแหน่งกลางจุดเดียวนั้น ทำให้ประสิทธิภาพในการโฟกัสกับสภาพแสงน้อย วัตถุมีคอนทราสต์ตํ่า สภาพย้อนแสงแรงๆ นั้น ค่อนข้างมีปัญหา  รวมทั้งประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุที่ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร   แต่ EOS 6D Mark II ได้จัดการกับปัญหานี้เรียบร้อย  ใน EOS 6D ผมค่อนข้างอึดอัดกับความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 4.5 ภาพ/วินาที พอมาเป็น 6.5 ภาพ/วินาที ในกล้องรุ่นนี้มันจึงใช้สนุกขึ้นมากเมื่อต้องถ่ายต่อเนื่องกับภาพเคลื่อนไหว  ใน EOS 6D การใช้ LIVE VIEW ไม่สะดวกนักเพราะการโฟกัสค่อนข้างช้า การบันทึกวิดีโอก็ไม่สามารถใช้ระบบออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่องได้  แต่ EOS 6D Mark II ที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Dual Pixel CMOS AF ได้จัดการกับปัญหานี้เรียบร้อย

การใช้งานคล่องตัวเหมือนเดิมครับ  ด้วยการวางปุ่มปรับต่างๆ เหมือนเดิม การจัดวางเมนูแถบไม่ต่างจากเดิม  ทำให้หยิบมาก็ใช้งานได้อย่างคล่องตัวในทันที จะมีก็เพียงเมนูเกี่ยวกับระบบโฟกัสที่ให้มาเต็มที่  ต้องทำความเข้าใจและปรับตั้งให้ถูกต้องจึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ผมชอบที่สุดในกล้องรุ่นนี้คือ จอ LCD แบบปรับมุมได้อิสระ พร้อมระบบทัชสกรีน การปรับมุมจอ LCD ได้ช่วยให้การเลือกมุมถ่ายภาพสะดวกและมีอิสระในการวางเฟรมมากขึ้น  โดยยังมองภาพได้ชัดเจนและควบคุมกล้องได้สะดวก  ไม่ว่าจะถ่ายมุมตํ่าเรี่ยพื้นหรือมุมสูงเหนือศีรษะ  ระบบทัชสกรีนเป็นอีกจุดที่ต้องชม  เพราะช่วยให้การปรับตั้งทำได้รวดเร็ว  และการย้ายจุดโฟกัสทำได้รวดเร็ว การตอบสนองของหน้าจอกับการทัชสกรีนยังคงทำได้เยี่ยมยอดตามมาตรฐานแคนนอน

พื้นที่โฟกัสยังไม่กว้างมากแต่ในการโฟกัสติดตามวัตถุ EOS 6D Mark II ทำได้ดีมาก ผมถ่ายภาพชุดนี้โดยตั้งระบบโฟกัสแบบ AI SERVO  เลือกพื้นที่โฟกัสแบบ Wide ถ่ายต่อเนื่องด้วยความเร็ว 6.5 ภาพ/วินาที จากนั้นก็โฟกัสตามนกมาตั้งแต่ระยะไกล พอเข้าในพื้นที่ที่ต้องการก็กดชัตเตอร์รัวเป็นชุด  ภาพที่ได้อยู่ในโฟกัสเกือบทั้งหมด เป็นกล้องที่ใช้ถ่ายภาพแอคชั่นได้เลย  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 70-300mm f/4-5.6L IS USM (ใช้ที่ช่วง 300 มม.) ; 1/2000 Sec f/5.6, WB : Auto, Mode : M, ISO 400

ระบบโฟกัสต่อเนื่องติดตามวัตถุกับการถ่ายภาพเวคบอร์ดในภาพชุดนี้ทำงานได้น่าพอใจ ภาพส่วนใหญ่อยู่ในโฟกัส  มีเพียงบางเฟรมเท่านั้นที่หลุดโฟกัสเล็กน้อย สามารถใช้ถ่ายภาพแอคชั่นได้ทุกรูปแบบ  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 70-300mm f/4-5.6L IS USM (ใช้ที่ช่วง 300 มม.) ; 1/1600 Sec f/5.6, WB : Auto, Mode : M, ISO 640

ระบบออโต้โฟกัสดีกว่าเดิมอย่างมากครับ  ในการทดสอบผมลองระบบโฟกัสของ EOS 6D Mark II  กับภาพเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ  ครั้งแรกผมติดเลนส์ EF 70-300 mm. f/4-5.6L IS ถ่ายภาพนกที่กำลังบินโดยใช้พื้นที่โฟกัสแบบโซน  ตั้งโหมดโฟกัส AF-C  ตั้ง AF-Track Sensitivity ที่ตำแหน่งกลาง  ระบบเลื่อนภาพที่ 6.5 ภาพ/วินาที  เล็งกล้องติดตามนก แล้วกดชัตเตอร์รัวต่อเนื่องจนนกตีโค้งบินลงที่พื้น  การโฟกัสติดตามภาพของกล้องรุ่นนี้ทำได้ดี น่าพอใจ  จากภาพชุดนี้บันทึกมาจำนวน 9-12 ภาพต่อชุด  ภาพจะอยู่ในโฟกัสประมาณ 85-90%  มีภาพที่หลุดโฟกัสบ้างแต่น้อยมาก  ต้องบอกว่าน่าพอใจแล้วครับ เพราะการถ่ายภาพนกที่มีรายละเอียดค่อนข้างน้อยกำลังบินให้คมชัดได้นั้น  ระบบโฟกัสต้องดีพอ  ซึ่ง EOS 6D Mark II  ก็ทำได้ในระดับดี  อาจจะยังไปไม่ถึง EOS 1DX Mark II  แต่เมื่อดูจากระดับชั้นของกล้อง  ผมพอใจแล้ว  ครั้งที่สองผมลองถ่ายภาพเวคบอร์ดโดยลองแทรคตามซับเจกต์ที่เคลื่อนเข้าหากล้องในแนวทแยง ไม่มีปัญหาครับ  กล้องสามารถเกาะติดที่ซับเจกต์ได้อย่างต่อเนื่อง  เพียงแต่ต้องรักษาการเคลื่อนกล้องตามซับเจกต์ให้ทัน  โดยให้ซับเจกต์อยู่ในโซนของพื้นที่โฟกัสตลอด  ครั้งที่สามผมลองถ่ายภาพเด็กกำลังวิ่งเล่น  พบว่าการโฟกัสยังทำได้ดี เพียงแต่จะมีการหลุดโฟกัสบ้างในบางเฟรม เพราะพื้นที่โฟกัสครอบคลุมไม่ถึง

ไม่ต้องเทียบประสิทธิภาพด้านการโฟกัสติดตามวัตถุกับ EOS 6D  เดิมให้เสียเวลา ประสิทธิภาพคนละเรื่องครับ  จากนั้นก็ลองนำมาถ่ายภาพย้อนแสงดูบ้าง พบว่าการโฟกัสดีกว่าเดิมอย่างมาก  โฟกัสเข้าเป้าตลอด มีภาพหลุดโฟกัสน้อยมาก  ในสภาพแสงน้อยการโฟกัสก็ยังทำได้แม่นยำ

กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 70-200mm f/2.8L IS II USM (ใช้ที่ช่วง 100 มม.) ; 1/125 Sec f/2.8, WB : Auto, Mode : M, ISO 250

และที่ผมประทับใจมาก คือการใช้กับเลนส์แต่ละตัว ผมไม่ต้อง Fine Tune ระบบโฟกัสเลย  แม้กับเลนส์ 70-200 มม. f/2.8  ของผู้ผลิตอิสระอีกรายที่ต้องปรับจูนโฟกัสเสมอ แต่กับรุ่นนี้ไม่ต้อง การโฟกัสที่แม่นยำแม้ใช้ที่ f/2.8  ส่วนเลนส์แคนนอนเองหายห่วงครับ ไม่มี Back Focus แต่อย่างใด การย้ายจุดโฟกัสทำได้ง่ายและเร็วมากโดยใช้แป้นสี่ทิศทางในการเลื่อนจุดโฟกัสได้เลยครับ  สะดวกและคล่องตัวน่าพอใจ

คุณภาพไฟล์จาก EOS 6D Mark II นั้น ผมทดสอบทั้งภาคสนามและลองถ่ายในสตูดิโอ  โดยในการทดสอบคุณภาพที่ความไวแสงต่างๆ ผมใช้ตุ๊กตาที่มีรายละเอียดเยอะ 5 ตัวกับชาร์ตทดสอบสี เป็นฉากทดสอบคุณภาพ  ถ่ายภาพตั้งแต่ ISO 100 จนถึง ISO 40000  โดยใช้เลนส์ EF 50mm f/1.8  STM  บันทึกที่ f/6.3  ซึ่งเป็นค่าที่เลนส์รุ่นนี้ให้คุณภาพดีเยี่ยม

เมื่อต้องเปิดรูรับแสงกว้างเพื่อเบลอฉากหลัง การโฟกัสก็ยังแม่นยำดี ไม่ต้องพะวงกับปัญหา Back Focus หรือ  Front Focus  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 50mm f/1.8 STM ; 1/100 Sec f/2.2, WB : Auto, Mode : M, ISO 250

ในส่วนของไฟล์ JPEG ผมตั้ง High ISO NR ที่ LOW  เพื่อให้ภาพมีรายละเอียดสูง  จากการทดลองที่ ISO 100 และ 200  ภาพที่ได้มีรายละเอียดสูง  น่าประทับใจ  ความคมชัดจากไฟล์ JPEG  ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน  ภาพใสเคลียร์  ปราศจากสัญญาณรบกวน  ให้สีสดใสความอิ่มสีสูง (Proture Style แบบ Standard)  ที่ ISO 400 รายละเอียดยังดีมาก  สัญญาณรบกวนไม่ปรากฏกับทุกส่วนในภาพ  ความอิ่มสีและคอนทราสต์สูง  ที่ ISO 800 รายละเอียดของวัตถุในภาพยังน่าประทับใจแม้กระทั้งตัวหนังสือเล็กๆ ในภาพก็ยังคมชัด  สัญญาณรบกวนมีน้อยมากๆ ไม่รบกวนรายละเอียดของภาพ ภาพยังใสเคลียร์และความอิ่มสีสูง  ที่ ISO 1600 รายละเอียดยังดีมาก  มีสัญญาณรบกวนปรากฏน้อย  ทำให้ภาพยังดูสะอาด แสดงจุดเด่นของเซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรมได้ชัดเจน  ที่ ISO 3200 ซึ่งเป็นจุดลิมิตของกล้องดิจิตอลส่วนใหญ่  แต่ EOS 6D Mark II  ยังทำได้ดี  ภาพมีรายละเอียดดี รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลดความคมชัดลงบ้าง  แต่สำหรับผมแล้ว ผมพอใจกับคุณภาพที่ได้ เพราะมันยังถ่ายทอดรายละเอียดได้เพียงพอสำหรับการใช้งานระดับมืออาชีพ  สามารถพิมพ์ภาพขนาดใหญ่  เช่น 20×30 นิ้ว  โดยยังได้คุณภาพน่าพอใจ  ที่ ISO 6400 ภาพยังมีคุณภาพในระดับดี รายละเอียดลดลง  แต่อยู่ในระดับน่าพอใจเมื่อเทียบกับมาตรฐานของกล้องฟูลเฟรม  สีสันของภาพยังสดใส คอนทราสต์สูง  ที่ ISO 12800 ภาพยังใช้งานในระดับอาชีพได้ครับ รายละเอียดค่อนข้างดี  คอนทราสต์ของภาพลดลงบ้าง  ความอิ่มสีสันลดลงเล็กน้อย  ที่ ISO 25600  รายละเอียดพอใช้  ส่วนมืดจะเห็นสัญญาณรบกวนชัดเจน  แต่ส่วนที่เป็นสีกลางๆ หรือส่วนสว่างรายละเอียดยังพอใช้ได้  ที่ ISO 40000  ภาพยังพอรับได้ครับ  รายละเอียดพอใช้ สีสันยังโอเค

ภาพชุดนี้ผมทดสอบสัญญาณรบกวนและรายละเอียดของภาพเมื่อใช้ความไวแสงสูง ภาพบนซ้ายเป็นภาพเต็ม บันทึกไล่ตั้งแต่ ISO 100 จนถึง ISO 40000 แต่นำมาครอป 100% ขยายให้ดูที่ ISO 3200 ถึง ISO 40000  กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 50mm f/1.8 STM  WB : 2900K, Mode : M

ISO 3200 (คลิ๊กดาวโหลดภาพต้นฉบับ)

ISO 6400 (คลิ๊กดาวโหลดภาพต้นฉบับ)

ISO 12800 (คลิ๊กดาวโหลดภาพต้นฉบับ)

ISO 25600 (คลิ๊กดาวโหลดภาพต้นฉบับ)

ISO 40000 (คลิ๊กดาวโหลดภาพต้นฉบับ)

คุณภาพจากไฟล์ JPEG  น่าประทับใจครับ  แต่แนะนำว่า ควรปรับลด High  ISO NR ลงมาที่ LOW เพื่อรักษารายละเอียดของภาพไว้เมื่อใช้ความไวแสงสูง  แม้จะมีสัญญาณรบกวนมากขึ้น  แต่ผลดีกว่าครับ

ไดนามิกเรนจ์ EOS 6D Mark II  ที่ได้พอๆ กับรุ่นเดิม (แปลงไฟล์ RAW จากตัวกล้อง)  ไฟล์ RAW สามารถดึงรายละเอียดของภาพที่อันเดอร์ขึ้นมาได้ 4 EV  โดยยังได้คุณภาพน่าพอใจ

ในการถ่ายภาพบุคคล สีผิวที่ได้ดีมาก ให้สีผิวเที่ยงตรง  ไม่บูสท์สีจนสดเกินจริง (Pioture Style : Protrait) การไล่นํ้าหนักสีดี รายละเอียดผิวดี ภาพดูสะอาดตา

กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 70-200mm f/2.8L IS II USM (ใช้ที่ช่วง 160 มม.) ; 1/250 Sec f/3.2, WB : Auto, Mode : M, ISO 250

ในส่วนของวิดีโอนั้น EOS 6D Mark II ยังคงจุดเด่นของเซ็นเซอร์รับภาพ Dual Pixel CMOS AF ไว้  ด้วยประสิทธิภาพในการโฟกัสต่อเนื่องเมื่อบันทึกวิดีโอ  การโฟกัสทำได้ราบเรียบ นุ่มนวล  จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ คือ ในการบันทึกวิดีโอเราสามารถตั้ง MOVIE SERVO AF Track Sens ได้โดยผมมักจะตั้งไว้ที่ -1 เพื่อให้กล้อง Lock on ที่ซับเจกต์หลัก ไม่เปลี่ยนไปโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนเข้ามาบังทันที  ส่วนเมนู MOVIE SERVO AF Speed นั้น  ก็ใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก  กล้องจะให้ผู้ใช้เลือกความเร็วในการโฟกัสได้ทั้งก่อนการบันทึกและระหว่างการบันทึก  สองเมนูนี้จะทำให้การใช้ระบบออโต้โฟกัสกับงานวิดีโอมีประสิทธิภาพดี และได้ภาพอย่างที่ช่างภาพต้องการ

ระบบลดการสั่นไหว MOVIE Digital IS ให้ภาพที่นิ่งกว่าปกติชัดเจนเมื่อบันทึกโดยถือกล้องด้วยมือ  โดยเฉพาะที่โหมด Enhanced เพียงแต่กล้องจะครอปภาพมากขึ้น เพื่อให้ระบบลดการสั่นไหวแบบดิจิตอลทำงานได้อยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความคล่องตัวและความสนุกในการใช้งานเป็นจุดเด่น ของ EOS 6D Mark II มันเป็นกล้องที่ใช้ง่าย ควบคุมง่ายและใช้ได้คล่องตัว  เมนูต่างๆ ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ทำให้สนุกกับการใช้งานมาก

ความเห็น  

ให้คุณภาพไฟล์ดี น่าพอใจ กล้อง Canon EOS 6D Mark II  เลนส์ Canon EF 24-105mm f/4L II IS USM (ใช้ที่ช่วง 105 มม.) ; 1/1600 Sec f/8, WB : 2900K, Mode : M, ISO 3200

กับการพัฒนาและปรับปรุงจากรุ่นเดิม  สิ่งที่ได้ก็คือ กล้อง DSLR  ขนาดฟูลเฟรมที่ใช้งานได้ดีกว่าเดิมมากในทุกๆ ด้าน  โดยเฉพาะระบบโฟกัส  ความคมชัด  สัญญาณรบกวน  และสีสันที่อิ่มตัวสดใสกว่า  เป็นกล้องที่แนะนำครับ หากกำลังมาหากล้องที่ใช้สนุก ใช้งานคล่องตัวทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ควรหาโอกาสไปลองเล่นดูเลยครับ

 

ขอบคุณ  บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง ไทยแลนด์ จำกัด สำหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติม  : www.canon.co.th

เรื่อง / ภาพ : อิสระ เสมือนโพธิ์

อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หรือสนใจดูรีวิวรุ่นอื่นๆ ได้ที่นี่
https://test2.fotoinfo.online/reviews-previews/reviews-reviews