Camera Reviews

Review : Nikon D500

ที่สุดของความเร็วและประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัส

d500_01

นักถ่ายภาพหลายท่านเข้าใจว่า Nikon D7200 คือกล้อง DSLR ระดับโปรในฟอร์แมต DX  แต่จริงๆ แล้ว กล้องที่เป็นกล้องระดับเรือธงในฟอร์แมต DX จะเป็นกล้องที่ใช้รหัส 3 หลัก ซึ่งก็คือ D300S นั่นเอง แต่ D300S เป็นกล้องที่ผลิตออกมาตั้งแต่ปี 2009 พร้อมๆ กับ Nikon D3S ดังนั้นเทคโนโลยีทุกๆ ด้านจึงถดถอยไปตามกาลเวลา โดยนิคอนได้หันมาเน้นกล้อง DSLR ในระดับเซมิโปรตระกูล 7000 แทนตั้งแต่ D7000 ในปี 2010  D7100 ในปี 2013  และ D7200 ในปี 2015

นิคอนกลับมาพัฒนากล้องระดับโปรในฟอร์แมต DX อีกครั้งพร้อมๆ กับการพัฒนากล้อง DSLR ในฟอร์แมต FX รุ่น D5 โดยการแชร์เทคโนโลยีของ D5 เข้ามาไว้ในกล้องรุ่นใหม่ รหัส D500 ทำให้มันเป็นกล้องขนาด APS-C ที่ทรงพลังที่สุด ทั้งเอนจิ้นของการประมวลผลและประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัส รวมทั้งความเร็วที่เยี่ยมยอดในทุกๆ ด้าน

ทำไมจึงเป็นรหัส D500 ไม่ใช่ D400 อย่างที่หลายท่านคาดไว้  คำตอบก็คือนิคอนจะพัฒนากล้องโปรสองฟอร์แมตควบคู่กัน D3 กับ D300, D3S กับ D300S  แต่เมื่อนิคอนปล่อยกล้อง D4 กับ D4S ออกมา นิคอนไม่มีกล้องโปรของฟอร์แมต DX ตามออกมาด้วย จึงไม่มี D400  และเมื่อกล้องโปรของฟอร์แมต FX เป็น D5 กล้องโปรของฟอร์แมต DX จึงเป็นรุ่น D500  ไม่ใช่ D400 อย่างที่เว็บไซต์ Rumor ทั้งหลายเดาส่งกันเมื่อ 1-2 ปีก่อน

ด้วยราคาขายของ D500 ที่พอๆ กับ D750 อาจทำให้หลายท่านเกิดความลังเลในการตัดสินใจ เพราะในงบเท่ากัน D750 จะได้กล้องฟูลเฟรมความละเอียด 24 ล้านพิกเซล แต่ D500 จะได้กล้อง APS-C ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล  จึงดูเหมือนว่า D750 จะคุ้มค่ากว่า  แต่จริงๆ แล้ว D750 และ D500 เป็นกล้องที่สร้างขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างมาก  D500 คือกล้องสำหรับผู้ที่ต้องการใช้กับภาพแอคชั่น ภาพกีฬา ภาพ Wildlife  ในขณะที่ D750 จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไป เหมาะกับภาพ แลนด์สเคปและภาพพอร์เทรต

D500 ก็คือ MINI D5  กล้องที่จำลองประสิทธิภาพของ Nikon D5 ลงมาไว้ในขนาดที่เล็กกะทัดรัด นํ้าหนักเบา (760 กรัม)  พกพาสะดวก และราคาขายตํ่ากว่า D5 ถึง 3 เท่าตัว มันจึงเป็นกล้องที่มีความน่าสนใจอย่างมาก และเป็นกล้องอันดับหนึ่งลิสต์ส่วนตัวของผมที่ต้องนำมาทดสอบให้ได้ เพราะมันคือกล้องที่จะเปิดโลกใหม่ของการถ่ายภาพกีฬา ภาพแอคชั่นทุกรูปแบบ และภาพไวด์ไลฟ์ทุกรูปแบบ

d5oo_02

จุดเด่นของ NIKON D500

  • ISO 51200 กับเซ็นเซอร์รับภาพใหม่
  • EXPEED 5 สุดยอดหน่วยประมวลผลภาพ
  • 153 AF Point / 99 Cross Type สุดยอดระบบออโตโฟกัส
  • 10 ภาพ / วินาที เร็ว แรง ไม่พลาดทุกช็อตเด็ด
  • 4K UHD VIDEO
  • 180K Pixel RGB Sensor
  • จอ LCD ความละเอียดสูง 2,359,000 จุดระบบทัชสกรีน
  • ช่องมองภาพระดับโปร
  • แข็งแกร่ง ทนทาน แต่นํ้าหนักเบา
  • ช่องใส่การ์ดคู่
  • แชร์ภาพได้สะดวก รวดเร็ว
  • ระบบการทำงานเพียบพร้อม

ISO 51200 กับเซ็นเซอร์รับภาพใหม่
D500 ออกแบบและพัฒนาเซ็นเซอร์รับภาพใหม่ด้วยการปรับโครงสร้างภายในของแต่ละพิกเซลใหม่ ปรับภาคการแปลงสัญญานอนาล็อกไปเป็นดิจิทัลใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการรับแสงและลดการเกิดสัญญาณรบกวนให้น้อยลงรักษาสมดุลระหว่างกำลังแยกขยายกับการจัดการสัญญาณรบกวนให้อยู่ในจุดที่ลงตัวที่สุด  ด้วยความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซลกับประสิทธิภาพในการควบคุมสัญญาณรบกวนชั้นเยี่ยม ให้ภาพใสเคลียร์อย่างน่าประหลาดใจแม้ใช้ความไวแสงสูงระดับ ISO 3200 หรือ ISO 6400 และยังให้ภาพที่มีคุณภาพระดับใช้ได้ที่ ISO 51200 (สามารถขยายได้ถึง Hi 5 ที่ ISO 1640000)   และเซ็นเซอร์รับภาพรุ่นนี้ยังไม่มีการใช้ Optical Low Pass Filter ทำให้ภาพที่ได้มีรายละเอียดเยี่ยมยอด

EXPEED 5 สุดยอดหน่วยประมวลผลภาพ
D500 ใช้ชิปประมวลผลภาพใหม่ EXPEED 5 ที่มีความเร็วในการทำงานสูงมาก รองรับความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพ/วินาที และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K UHD (3840×2160) 30p  นอกจากนั้นยังออกแบบอัลกอริธึมใหม่ให้สามารถควบคุมสัญญาณรบกวนได้ดีขึ้น  ให้ภาพที่มีรายละเอียดสูงให้การไล่เฉดสีที่นุ่มนวลเป็นธรรมชาติและให้สีผิวที่สดใสสมจริง

d500_03

153 AF Point / 99 Cross Typeสุดยอดระบบออโตโฟกัส
ด้วยการยกชุดระบบออโตโฟกัสมาจาก D5 โดยใช้โมดูลโฟกัสรุ่น MultiCam 20K เช่นเดียวกับ D5  ส่งผลให้ D500 เป็นกล้องที่มีระบบออโตโฟกัสในระดับเยี่ยมยอดด้วยการใช้จุดโฟกัส 153 จุด โดยเป็นจุดโฟกัสแบบกากบาท (Cross Type) 99 จุด แต่ที่โดดเด่นกว่า D5 คือ ด้วยใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาด APS-C  ทำให้จุดโฟกัส 153 จุดครอบคลุมพื้นที่โฟกัสกว้างกว่ามาก  โดยจุดโฟกัสแบบกากบาทครอบคลุมถึงสุดขอบด้านซ้ายและด้านขวาของภาพ ส่วนด้านบนและด้านล่างก็ครอบคลุมประมาณ 60% ของพื้นที่ ทำให้ D500 มีประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุเหนือชั้นกว่ากล้อง DSLR แทบทุกรุ่น ไม่ว่าซับเจกต์จะอยู่ส่วนไหนของภาพ สภาพแสงน้อยมากหรือซับเจกต์จะมีคอนทราสต์ตํ่า  D500 ก็ยังโฟกัสติดตามวัตถุได้อย่างแม่นยำโดยจะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ระบบวัดแสง RGB 180K ในการตรวจจับสีของซับเจกต์เพิ่มความแม่นยำในการโฟกัสติดตาม

D500 สามารถโฟกัสได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาพแสงน้อยมากถึง -4EV (จุดโฟกัสกลาง) และ 3EV (กับจุดโฟกัสอื่นๆ ทั้งหมด)  ทำให้การทำงานของช่างภาพในสภาพแสงน้อยมากๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบออโตโฟกัสของ D500 แต่อย่างใด และด้วยสัญญาณรบกวนที่ตํ่ามากกับความไวแสงที่สูงขึ้น (ISO 51200) ทำให้สามารถขยายขีดการทำงานของกล้องลงไปได้มากกว่าเดิม

นอกจากนั้นระบบออโตโฟกัสของ D500 ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อใช้เทเลคอนเวอร์เตอร์ร่วมกับเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างสุด f/5.6 หรือกว้างกว่า โดยแม้รูรับแสงกว้างสุดจะเปลี่ยนเป็น f/8 ระบบออโตโฟกัสก็ยังทำงานได้ถึง 15 จุดโฟกัส (เลือกได้ 8 จุด) และในการใช้ระบบ Lock–on ช่างภาพจะสามารถปรับความไวในการแทรคกิ้งได้  โดยการปรับการตอบสนองของระบบ AF ได้ 5 ระดับในการแทรคเข้าสู่ซับเจกต์ใหม่ที่เคลื่อนเข้ามายังซับเจกต์หลัก  และสามารถเลือกรูปแบบการเคลื่อนที่ของซับเจกต์ได้ 3 ระดับ  ทำให้ช่างภาพสามารถปรับตั้งระบบออโตโฟกัสติดตามวัตถุให้ทำงานได้ดีกับรูปแบบของการถ่ายภาพที่แตกต่างกัน และ D500 ยังปรับเลือกพื้นที่โฟกัสได้หลายรูปแบบเช่นเดียวกับ D5 เช่น ระบบ 3D Tracking AF, Auto-area AF, Group-area AF, Dynamic-area AF (เลือกได้ 3 แบบ คือ 25 จุดโฟกัส  72 จุดโฟกัส และ 153 จุดโฟกัส) และ Single-point AF  ทำให้ช่างภาพสามารถเลือกพื้นที่การโฟกัสให้เหมาะกับลักษณะภาพที่บันทึก

d500_05

โฟกัสติดตามนกแบบนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ของ D500  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S 80-400mm. f/4.5-5.6G ED VR ; 1/2000 Sec f/5.6, Mode : M, WB : Auto, ISO 250

10 ภาพ / วินาที เร็ว แรง ไม่พลาดทุกช็อตเด็ด
D500 ออกแบบมาสำหรับช่างภาพที่เน้นใช้งานเรื่องความเร็วในทุกๆ ด้าน  ดังนั้นความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่กล้องรุ่นนี้ให้ความสำคัญอย่างมาก  นิคอนได้ปรับปรุงระบบกระจกสะท้อนภาพใหม่หมด ให้ดีดตัวได้เร็ว ลดเวลาการหายไปของภาพในช่องมอง และออกแบบระบบรองรับการกระแทกของกระจกให้นิ่มนวล ผลที่ได้ก็คือความนิ่งของภาพในช่องมองและการเห็นภาพที่ชัดเจนต่อเนื่องแม้บันทึกด้วยความเร็ว 10 ภาพต่อวินาที ทำให้ระบบออโตโฟกัสทำงานได้เที่ยงตรงขึ้น สามารถติดตามการเคลื่อนที่ของซับเจกต์ได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของซับเจกต์จึงเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างภาพเป็นหลัก  เปิดโอกาสให้มือสมัครเล่นก็สามารถสร้างงานในระดับมืออาชีพได้ และสำหรับมืออาชีพมันจะช่วยให้ได้ภาพที่ดีขึ้น ลดความผิดพลาดจากเดิมได้มากขึ้น 10 ภาพ / วินาที สำคัญอย่างไร  หากคุณเคยใช้กล้องที่มีความเร็ว 5-7 ภาพ / วินาทีจะทราบดีว่าในการถ่ายภาพแอคชั่นแบบกดรัวต่อเนื่องเป็นชุด อาจมีการข้ามจังหวะที่ดีไปได้เพราะกล้องเร็วไม่พอ แต่ 10 ภาพ / วินาทีของ D500 จะทำให้ช่างภาพไม่พลาดทุกจังหวะที่ดีที่สุด  และ D500 ยังเพิ่มโอกาสของการได้ภาพที่ดีด้วยความจุของบัฟเฟอร์  โดยสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 200 ภาพแม้บันทึกด้วยไฟล์ RAWมั่นใจได้ว่ากล้องจะหยุดบันทึกในจังหวะสำคัญเพราะบัฟเฟอร์เต็ม

d500_09

ความเร็ว 10 ภาพ / วินาทีทำให้สามารถเก็บทุกสเตปของการเคลื่อนไหวได้ดีกว่า มีภาพให้เลือกใช้งานมากกว่า และไม่ข้ามจังหวะที่ดีไป เช่นภาพชุดนี้ผมกดชัตเตอร์ต่อเนื่องแค่ช่วงสั้นๆ ได้ภาพมา 4 ภาพ กล้องโฟกัสเข้าที่ซับเจกต์แม่นยําทุกภาพ ผมเลือกภาพที่ 2 มาใช้เพราะชอบจังหวะประมาณนี้  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S 80-400mm. f/4.5-5.6G ED VR ; 1/1000 Sec f/5.0, Mode : M, WB : Auto, ISO 800

d500_07

กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S 80-400mm. f/4.5-5.6G ED VR ; 1/800 Sec f/5.6, Mode : M, WB : Auto, ISO 400

4K UHD VIDEO

d500_08c

D500 พัฒนาระบบบันทึกวิดีโอเพื่อรองรับการใช้งานระดับอาชีพสำหรับงานที่ต้องการภาพรายละเอียดสูงระดับ 4K UHD (3840 x 2160) ที่ 30p  โดยสามารถบันทึกด้วยหน่วยความจำในกล้อง (XQD และ SD Card) บันทึกได้ต่อเนื่อง 29 นาที 59 วินาที  และสามารถต่อสาย HDMI เพื่อบันทึกไฟล์วิดิโอ 4K คุณภาพสูงแบบไร้การบีบอัดกับอุปกรณ์บันทึกภายนอก และสามารถต่อจอมอนิเตอร์ภายนอกเพื่อดูภาพได้  จุดเด่นของ D500 คือ สามารถตั้งความไวแสงได้กว้างมาก คือ ISO 100-51200 และสามารถขยายขึ้นไปได้ถึง Hi 5 (ISO 1640000)  ทำให้สามารถบันทึกวิดีโอได้ในทุกสภาพแสง  นอกจากนั้น D500 ยังสามารถบันทึกวิดีโอระดับ Full HD ที่ 60p, 50p, 30p และ 25p ได้ และเมื่อบันทึกด้วยฟอร์แมต Full HD และ HD จะสามารถใช้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง ลดการสั่นไหวได้ทั้งแนวนอน แนวตั้ง และมุมเอียง ทำให้การบันทึกวิดีโอโดยถือกล้องด้วยมือจะได้ภาพที่นิ่งกว่าภาพดูนุ่มนวลสบายตา

นอกจากนั้น D500 ยังสามารถใช้ระบบ Active D-lighting ร่วมกับการบันทึกวิดีโอได้ ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดในส่วนสว่างและส่วนมืดได้ดีเป็นพิเศษ  โดยยังให้ภาพที่มีความอิ่มสีดี และให้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ   มีระบบ Auto ISO Control ในโหมด M เพื่อให้สามารถปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้ตามต้องการ  หากแสงเปลี่ยนกล้องจะเปลี่ยน ISO ให้อัตโนมัติ
และ D500 ยังมีฟังก์ชั่น 4K Time Lapse ที่สามารถสร้างภาพวิดีโอแบบร่นเวลาที่มีคุณภาพสูง  สามารถทำจากตัวกล้องได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์   D500 ออกแบบมาสำหรับการทำงานของ
มืออาชีพ จึงสามารถใช้ร่วมกับไมโครโฟนภายนอกได้และมีช่องต่อหูฟังเพื่อตรวจสอบเสียงที่บันทึก

180K Pixel RGB Sensor
เช่นเดียวกับกล้องระดับโปรรุ่น D5  โดย D500 มีการใช้เซ็นเซอร์ RGB 180,000 พิกเซลในการทำงานของระบบวัดแสง ซึ่งสามารถใช้ในการตรวจสอบสภาพฉาก คอนทราสต์ และเพิ่มประสิทธิภาพแก่ระบบตรวจจับใบหน้าได้ดีขึ้น แม้ซับเจกต์จะเคลื่อนไหวและขนาดใบหน้าดูเล็กเมื่อเทียบกับเฟรมภาพ  D500 จะใช้ข้อมูลจากระบบตรวจจับใบหน้าในการทำงานของระบบวัดแสงแมททริก การทำงานของระบบ i-TTL Balanced Fill Flash  ระบบ Auto area AF  3D Tracking  และระบบ Active D-lighting  รวมทั้งฟังก์ชั่น Flicker Reduction ที่กล้องจะตรวจจับความสว่างของแสงฟลูเรสเซนต์ และจะปรับเวลาการบันทึกให้อยู่ในช่วงที่แสงสว่างที่สุดเพื่อลดปัญหาเรื่องภาพอันเดอร์

จอ LCD ความละเอียดสูง 2,359,000 จุดระบบทัชสกรีน
D500 ใช้จอ LCD คุณภาพสูง โดยมีความละเอียดสูงมากเพื่อให้ช่างภาพสามารถตรวจสอบความคมชัดของภาพและสีสันของภาพได้อย่างแน่นอน และยังทำงานในระบบทัชสกรีนได้ โดยในการบันทึกภาพนิ่งจะสามารถใช้ฟังก์ชั่น Touch AF เพื่อเปลี่ยนจุดโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว และมีฟังก์ชั่น Touch Shutter กล้องจะลั่นชัตเตอร์ให้โดยอัตโนมัติในทันทีที่โฟกัสได้  จอ LCD สามารถปรับก้มเงยได้มากกว่าจอรูปแบบเดียวกันทั่วๆ ไป ทำให้สามารถมองภาพมุมสูง มุมตํ่าได้สะดวก เห็นภาพชัดเจน สามารถปรับจอได้แม้กล้องจะติดกับเพลทของขาตั้งกล้อง ในการดูภาพก็สะดวกต่อการซูมขยายภาพ เลื่อนภาพและค้นหาภาพ

ช่องมองภาพระดับโปร
D500 ใช้ช่องมองภาพออพติคัลที่มีมุมมองภาพในแนวทแยงถึง 30.8 องศา ให้อัตราขยายช่องมองถึง 1.0X มองภาพได้ชัดเจนสบายตาและไม่มีอาการหน่วงในการเห็นภาพเหมือนช่องมองอิเล็กทรอนิกส์ สามารถแสดงข้อมูลบนจอรับภาพได้ ทำให้เห็นจุดโฟกัสที่ใช้งานหรือการแสดงพื้นที่ภาพ  ด้วยการใช้ปริซึมห้าด้านขนาดใหญ่ทำให้ช่องมองภาพสว่าง ขนาดภาพใหญ่ คมชัด และที่แตกต่างจากกล้องทั่วไปคือ D500 มี Eyepiece แบบทรงกลมครอบช่องมองภาพอยู่ ป้องกันฝุ่นและละอองนํ้าได้และทำความสะอาดได้ง่าย  และยังมีม่านปิดช่องมองเช่นเดียวกับ D5 เพื่อป้องกันแสงเล็ดลอดเข้าไปรบกวนระบบวัดแสงเมื่อไม่ได้แนบตากับช่องมอง หรือเมื่อใช้ระบบหน่วงเวลาถ่ายตัวเอง

d500_14

แข็งแกร่ง ทนทาน แต่นํ้าหนักเบา
D500 ออกแบบมาสำหรับการใช้งานของมืออาชีพที่เน้นเรื่องความเร็วโดยเฉพาะ  ดังนั้นกล้องจึงต้องถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง นิคอนใช้โครงสร้างที่เน้นความเบาคู่กับความแข็งแกร่งโดยใช้โครงสร้างหลักภายในที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ฝาครอบด้านบนและด้านหลังทำจากแมกนีเซียมอัลลอย ผลที่ได้คือ นํ้าหนักเบาแต่แข็งแกร่งทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานหนัก  ด้วยการไม่ใช้แฟลชในตัวทำให้ส่วนกระโหลกกล้องดูแน่นหนาแข็งแรงมาก ตัวกล้องซีลกันความชื้นรอบตัวป้องกันฝุ่นและละอองนํ้า D500 ไม่ใช้แป้นปรับโหมดและแป้นหมุนเพื่อให้มีความแข็งแรง ทนต่อการกระทบกระแทก  ชัตเตอร์ที่ใช้ในกล้องรุ่นนี้มีความทนทาน ใช้งานได้ถึง 200,000 ครั้ง

ช่องใส่การ์ดคู่
D500 ใช้ช่องใส่เมโมรี่การ์ดแบบคู่โดยช่องด้านบนเป็นการ์ด XQD ที่มีความเร็วสูงมาก รองรับการใช้งานแบบบันทึกต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงได้ดีเยี่ยม และรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K ได้อย่างดี  ช่องด้านล่างเป็น SD Card ที่รองรับการ์ดความเร็วสูงเช่นกัน สามารถตั้งรูปแบบการบันทึกได้ทั้งแบบ Back up  บันทึกลงการ์ดทั้งคู่พร้อมกันบันทึกไฟล์ RAW กับไฟล์ JPEG ลงคนละการ์ด  บันทึกทีละการ์ด และสามารถก้อปปี้ภาพจากการ์ดหนึ่งไปอีกการ์ดหนึ่งได้

แชร์ภาพได้สะดวก รวดเร็ว
D500 มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ SnapBridge สามารถถ่ายโอนภาพจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้ทันที ทำงานด้วยระบบบลูทูธที่สะดวกและใช้พลังงานน้อย โดยภาพจะมาพร้อมข้อมูลเรื่องสถานที่และเวลาถ่ายภาพ นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่น Wi-Fi และ NFC (Near Field Communication) ครบ  ทำให้ D500 เป็นกล้องที่แชร์ภาพได้สะดวก รวดเร็ว

d500_06

ระบบการทำงานเพียบพร้อม
D500 มาพร้อมระบบการทำงานที่สมบูรณ์แบบ รองรับการใช้งานของมืออาชีพและนักถ่ายภาพระดับจริงจังได้ดีเยี่ยม มีระบบ HDR ระบบถ่ายภาพซ้อนที่สามารถปรับเลือกแบบ Lighten และ Darken ได้เพื่อการสร้างสรรค์ภาพ  สามารถปรับเลือกขนาดไฟล์ RAW ได้ 3 แบบ  มีระบบม่านชัตเตอร์ชุดหน้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยลดการสั่นไหวของกล้อง ช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้นเมื่อใช้กับเลนส์เทเลโฟโต้ หรือเมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ตํ่า


ผลการใช้งาน

d500_10

ประสิทธิภาพในการโฟกัสติดตามวัตถุนั้นต้องบอกว่าหายห่วงครับ เป็นกล้องที่สามารถปล่อยให้ระบบ AF ทำงานได้อย่างสบายใจ ช่างภาพทำเพียงสองอย่าง คือ เคลื่อนกล้องตามซับเจกต์ให้ทันและกดชัตเตอร์ให้ทันเท่านั้น  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S 80-400mm. f/4.5-5.6G ED VR ; 1/3200 Sec f/5.6, Mode : A, WB : Auto, ISO 400 ระบบโฟกัส 3D AF Tracking

นี่คือกล้องดิจิตอลที่ผมสนใจอยากลองใช้มากที่สุดรุ่นหนึ่งด้วยความต้องการส่วนตัวที่อยากจะได้กล้องขนาดไม่ใหญ่ ราคาไม่สูงนักและมีระบบออโตโฟกัสชั้นดี  ดีพอที่จะถ่ายภาพแอคชั่นได้ทุกรูปแบบ และมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงกว่า 6-7 ภาพ/วินาที ซึ่งผมเห็นว่าความเร็วขนาดนี้ยังไม่พอสำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเพราะเมื่อกดชัตเตอร์รัวเป็นชุด  จังหวะดีๆ อาจจะถูกข้ามไปได้ แต่ความเร็ว 10 ภาพ/วินาที ของ D500 จะเร็วพอในการเก็บทุกแอคชั่นได้

ราคาขนาดนี้ซื้อกล้องฟูลเฟรมดีกว่ามั๊ย?  ผมเชื่อว่าต้องมีคำถามนี้อย่างแน่นอน  คำตอบก็คือขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนำไปใช้งานอะไร หากเป็นการถ่ายภาพแลนด์สเคปภาพพอร์เทรต ภาพทั่วๆ ไป  การเลือกกล้องฟูลเฟรมดีกว่าแน่ แต่ถ้าเป็นการถ่ายภาพกีฬา ภาพแอคชั่นที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ภาพนก ภาพสัตว์ป่า ผมเชื่อว่า D500 คือสิ่งที่คุณกำลังมองหาอยู่ และกล้องทั่วๆ ไป ทำเหมือน D500 ไม่ได้แน่ๆ

d500_04

ตัวคูณ 1.5X ของฟอร์แมต DX ทำให้ขยายทางยาวโฟกัสของช่วงเทเลโฟโต้ได้อีกมาก ซึ่งน่าจะถูกใจผู้ที่ขอบถ่ายภาพนก  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S 80-400mm. f/4.5-5.6G ED VR ; 1/1250 Sec f/5.6, Mode : M, WB : Auto, ISO 250

ฟอร์แมต DX กับตัวคูณ 1.5x จะช่วยให้คุณได้ทางยาวโฟกัสช่วงเทเลโฟโต้ได้สูงขึ้น 1.5 เท่า  ซึ่งคุณคงทราบดีว่าทุกมิลลิเมตรของช่วงเทเลโฟโต้นั้นราคาของเลนส์จะสูงขึ้นอย่างมาก การได้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูงขึ้นแต่ความสว่างเท่าเดิม ไม่ต้องจ่ายเงินแพงขึ้น  ไม่ต้องพกพาเลนส์ขนาดใหญ่มาก คือ สิ่งที่ตอบโจทย์ของการถ่ายภาพนก ภาพสัตว์ป่าหรือแม้แต่ภาพกีฬา  และด้วยประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัสชั้นยอดกับความเร็ว 10 ภาพ/วินาที  ผมเชื่อว่าD500 มีที่ยืน มีจุดขายที่เด่นชัดสำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าของมัน

เมื่อได้ลองจับ D500 จะเห็นความแตกต่างจากกล้องฟูลเฟรมระดับเซมิโปรและแตกต่างจากกล้อง DX ระดับเซมิโปรอย่าง D7200 ชัดเจน  D500 มีงานการผลิตที่เยี่ยมยอด  ส่วนของกะโหลกกล้องไม่มีแฟลชป๊อปอัพ เป็นแมกนีเซียมอัลลอยชิ้นเดียวมันจึงดูแน่นหนาแข็งแรงมาก ไม่มีแป้นปรับโหมดหรือแป้นปรับอื่นใดบนตัวกล้องเช่นเดียวกับกล้องโปรอย่าง D5  ก็เพื่อความแข็งแรงทนทานต่อการกระทบกระแทกลดความเสียหายที่มักจะเกิดกับแป้นหมุนและสวิทช์โยกต่างๆ ได้  ปุ่มต่างๆ สามารถมองเห็นได้ในที่มืด โดยจะมีไฟส่องสว่างด้านในเมื่อเปิดไฟดูข้อมูล  ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากเมื่อต้องการทำงานในที่มืดๆ

การจับถือทำได้ดีมาก ขนาดของตัวกล้องใกล้เคียงกับ D750 หรือ D7200 แต่ออกแบบกริปได้ดีมาก สันกริปด้านในตัดชันทำให้จับถือได้ถนัด ปรับแป้นควบคุมด้านหน้าและด้านหลังได้สะดวก  ปุ่มปรับต่างๆ ออกแบบและจัดวางตำแหน่งได้ดีทำให้ใช้งานได้คล่อง  โดยเฉพาะ 3 ปุ่มด้านบนตัวกล้อง คือ ปุ่มบันทึกวิดีโอ ปุ่ม ISO และปุ่มชดเชยแสงที่ใช้งานสะดวกมาก ช่องมองภาพออกแบบมาเช่นเดียวกับกล้องโปรโดยใช้ Eyepiece ครอบหน้าช่องมองภาพเพื่อป้องกันฝุ่นและละอองนํ้าติดในช่องมอง และยังมีม่านปิดช่องมองภาพเพื่อป้องกันแสงรบกวนระบบวัดแสงเมื่อถ่ายภาพโดยไม่แนบตากับช่องมองหรือเมื่อใช้ระบบหน่วงเวลาถ่ายตัวเอง

จอ LCD ของ D500 สามารถปรับมุมได้ทั้งก้มและเงย  โดยปรับได้เป็นมุมกว้างมากทั้งก้มและเงย  ทำให้ใช้งานสะดวก เมื่อดูภาพจาก Live View ในการถ่ายภาพมุมสูงหรือมุมตํ่า  และที่ดีมากคือสามารถแตะหน้าจอเพื่อเลือกจุดโฟกัสได้  โดยการโฟกัสทำได้ในระดับค่อนข้างดีและแม่นยำ  การเลือกตำแหน่งโฟกัสจึงทำได้ง่ายมาก และยังเปิดใช้ระบบ Touch Shutter ให้กล้องลั่นชัตเตอร์ทันทีที่โฟกัสได้  จอ LCD ของD500 ให้ภาพคมชัดมากครับ

d500_13

ในสภาพแสงน้อยประสิทธิภาพในการแทรคกิ้งก็ยังทำได้ดี  กล้อง Nikon D500 เลนส์Nikkor AF-S 85mm f/1.8G ; 1/1600 Sec f/2, Mode : M, WB : Auto, ISO 6400

ช่องมองภาพของ D500 มีขนาดปานกลาง ให้ภาพที่ใสกระจ่างและคมชัดมองภาพได้สบายตา เห็นภาพและข้อมูลชัดเจน  สามารถปรับไดออฟเตอร์ให้เหมาะกับสายตาของผู้ใช้ได้ บนหน้าจอสามารถแสดงจุดโฟกัสที่ใช้งานได้ โดยแสดงด้วยกรอบสีเหลี่ยมสีดำ ในสภาพแสงน้อยจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเห็นได้ชัดเจน โดยเมื่อใช้ระบบโฟกัสโหมด AF-C กับโหมด 3D AF Tracking หรือโหมด Auto-area AF กล้องจะแสดงจุดโฟกัสที่ใช้งานให้เห็นบนหน้าจอรับภาพอย่างชัดเจน

ในส่วนของการควบคุมและการใช้งาน D500 ทำได้ดีมากครับ เป็นกล้องที่ใช้งานสะดวกคล่องตัวและให้ฟิลลิ่งของกล้องโปรจริงๆ  คุณจะรู้สึกแตกต่างจากการใช้กล้องเซมิโปรอย่างค่อนข้างชัดเจนระบบออโตโฟกัสคือจุดเด่นของ D500 ครับ  ด้วยการใช้โมดูลโฟกัสตัวเดียวกับ D5 และนำมาใช้กับเซ็นเซอร์รับภาพขนาด DX ทำให้จุดโฟกัส 153 จุดครอบคลุมพื้นที่ภาพของ D500 กว้างจนสุดขอบภาพด้านซ้ายและด้านขวา  ที่สำคัญคือในตำแหน่งขอบซ้ายและขวานั้นเป็นเซ็นเซอร์แบบกากบาทด้านละ 27 จุด ทำให้ในการถ่ายภาพแอคชั่น กล้องจะมีประสิทธิภาพในการแทรคกิ้งได้ดีเยี่ยมแม้ซับเจกต์จะเคลื่อนไปตำแหน่งใดของภาพก็ตาม  ซึ่งในจุดนี้ต้องบอกว่าทำได้น่าประทับใจสุดๆ

โดยในการทดสอบระบบออโตโฟกัสผมลองใช้กับเลนส์ AF-S Nikkor 80-400 mm. f/4.5-5.6G ED VR พบว่าการโฟกัสติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวรวดเร็วทำได้ดีเยี่ยม ในโหมด 3D Tracking กล้องโฟกัสตามซับเจกต์ได้ต่อเนื่องคมชัดในทุกๆ ช็อต  โดยโหมดนี้จะเหมาะกับกรณีที่ซับเจกต์เด่นชัดจากฉากหลัง การโฟกัสแม่นยำและใช้งานได้ง่ายกว่ามาก  เพียงแค่เล็งให้อยู่ในกรอบภาพ ไม่ว่าซับเจกต์จะเคลื่อนไปอยู่ส่วนไหนของภาพ ระบบโฟกัสจะติดตามได้หมด  เป็นระบบที่ช่วยให้มือสมัครเล่นสามารถถ่ายภาพแอคชั่นได้ราวกับมืออาชีพ  ส่วนโหมด Group-area จะเหมาะกับนักถ่ายภาพที่มีประสบการณ์สักหน่อย โดยพื้นที่การทำงานจะแคบลง แต่เจาะจงตำแหน่งซับเจกต์ได้แน่นอนกว่า สามารถใช้จอยสติ๊กในการย้ายตำแหน่งโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว  ในการใช้งานภาพสนามระบบนี้ของ D500 ทำงานได้น่าประทับใจมาก  เหมาะกับภาพที่ต้องการเน้นเจาะจงตำแหน่งที่จะให้กล้องหาโฟกัส  การโฟกัสผิดตำแหน่งจะมีน้อยมากหากคุณเคลื่อนกล้องโดยวางซับเจกต์ให้อยู่ในพื้นที่โฟกัสได้ตลอด  และอีกระบบที่ผมชอบใช้คือ Dynamic AF แบบ 72 จุดโฟกัส เพราะมีพื้นที่การหาโฟกัสกว้างกว่าแบบ  Group area จึงติดตามซับเจกต์ได้ง่าย

การใช้ D500 ถ่ายภาพแอคชั่นจึงง่ายอย่างน่าประหลาดใจ จากที่เคยถ่ายแล้วเบลอบ้าง ชัดบ้าง เมื่อใช้กล้องระดับเซมิโปร  สิ่งนี้จะแทบไม่เกิดกับ D500 เลยเพราะประสิทธิภาพในการแทรคกิ้งแตกต่างกันมากพอควร  ผมได้ภาพที่คมชัดเกือบทุกช็อตของภาพที่รัวเป็นชุด 20-30 ภาพ เลือกภาพที่มีจังหวะดีๆ ได้เพราะกล้องมีความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงถึง 10 ภาพ/วินาที  ความแตกต่างไม่ได้อยู่แค่การโฟกัสติดตามวัตถุเท่านั้น ในสถานการณ์ที่ต้องยกกล้องขึ้นถ่ายภาพแอคชั่นแบบฉับพลันด้วยโหมด AF-C ภาพแรกจาก D500 จะเบลอเพราะกล้องเพิ่งเริ่มแทรคกิ้ง แต่มันจะชัดในช็อตที่ 2 หรือไม่เกินช็อตที่ 3  หลังจากนั้นกล้องจะโฟกัสตามได้ตลอด ช่วยให้ได้ภาพในจังหวะที่ผมไม่เคยได้ เพราะมันใช้เวลาไม่เกิน 0.2 วินาทีจากการกดปุ่มลั่นชัตเตอร์ทันทีที่ยกกล้อง
ขึ้นเล็งโดยไม่ได้โฟกัสก่อน  เป็นสิ่งที่ผมประทับใจกับ D500 มาก (หากใช้เลนส์ที่สว่างกว่านี้ประสิทธิภาพของระบบออโตโฟกัสจะดีขึ้นอีก)

ส่วนระบบโฟกัสแบบ AF-S ก็ทำงานได้น่าพอใจ เร็วและแม่นยำอย่างที่คาดหวังกับกล้องระดับโปร  กับเลนส์ Nikkor AF-S DX 16-80mm. f/2.8-4E ED VR การโฟกัสทำได้เร็วและเงียบ ภาพอยู่ในโฟกัส ไม่มี Back Focus หรือ Front Focus  การออกตัวของระบบโฟกัสเร็วและหยุดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีอาการยึกยักในสภาพแสงน้อยประสิทธิภาพในการโฟกัสยังดีมาก ผมไม่ได้ลองจนถึง -4EV ในการใช้งานภาคสนาม  แต่ได้ลองที่ออฟฟิศของโฟโต้อินโฟ โดยใช้เลนส์ AF-S Nikkor 50mm. f/1.4G พบว่าแม้แสงจะน้อยสุดๆ  D500 ก็ยังโฟกัสได้อย่างแม่นยำ ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพ / วินาที ทำให้โอกาสได้ภาพดีมีมากขึ้นเมื่อถ่ายภาพแอคชั่น แค่กดชัตเตอร์รัวเป็นชุด คุณก็จะเห็นความแตกต่างจากกล้องระดับเซมิโปรแล้วครับ  D500 ให้ฟิลลิ่งแบบกล้องโปรอย่างแท้จริง ทั้งเสียงชัตเตอร์ ความนิ่งของช่องมองภาพเมื่อถ่ายต่อเนื่อง การบันทึกได้ต่อเนื่องเป็นชุดยาวๆ โดยบัฟเฟอร์ไม่เต็มก่อน  สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพมากขึ้น  ใช้ไปสักพักอาจจะทำใจกับกล้องตัวเดิมที่ใช้อยู่ไม่ได้เลยทีเดียว

d500_11

การใช้งานในสภาพแสงน้อยด้วยความไวแสงสูงของ D500 ให้ผลที่น่าพอใจ ภาพนี้บันทึกที่ ISO 12800 โดยเปิดระบบ High ISO NR ที่ LOW ภาพที่ได้มีสัญญาณรบกวนค่อนข้างน้อย รายละเอียดใช้ได้  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S DX 10-24mm. f/3.5-4.5G ED ; 1/1250 Sec f/3.5, Mode : M, WB : Auto, ISO 12800

คุณภาพไฟล์ของ D500 ทำได้ในระดับดีมาก โดยในส่วนของการถ่ายทอดรายละเอียดนั้นพบว่า ภาพที่ได้จาก D500 มีความคมชัดดีมาก (ผมบันทึกไฟล์ JPEG โดยปิดระบบ Noise Reduction)  ที่อัตราขยาย 100% บนจอคอมพิวเตอร์ภาพยังมีรายละเอียดดีมากที่ ISO 200 และ 400 ผลที่ได้แทบไม่ต่างกัน  ที่ ISO 800 ความคมชัดยังทำได้ดีมาก รายละเอียดลดลงเพียงเล็กน้อย  ที่ ISO 1600 รายละเอียดลดลงบ้างแต่ก็ยังอยู่ในระดับดีมาก สามารถใช้งานแบบหวังผลได้เลย  ที่ ISO 3200 รายละเอียดจะลดลงไปพอควรกับไฟล์ JPEG  แนะนำให้ปิดโหมด High ISO NR เพราะจะได้รายละเอียดดีกว่าแม้จะมีสัญญาณรบกวน (Noise) บ้างก็ตาม  ที่ ISO 6400 ภาพยังมีรายละเอียดดีพอควร ให้ผลที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับกล้องขนาด APS-C ด้วยกัน  ที่ ISO 12800 คุณภาพยังอยู่ในระดับยอมรับได้ รายละเอียดยังมีและสีสันยังคงดีมาก  ที่ ISO 25600 ภาพยังสามารถนำไปใช้งานได้ โดยถ้าเปิดโหมด High ISO NR ที่ Normal สัญญาณรบกวนจะไม่มากเท่าใดนักแต่ภาพจะมีรายละเอียดน้อย ภาพจะเป็นวุ้นชัดเจน แต่ถ้าเปิดที่ LOW รายละเอียดจะดีขึ้น และถ้าปิดระบบนี้สัญญาณรบกวนจะชัดเจนแต่รายละเอียดจะชัดเจนขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของไฟล์ RAW ต้องยอมรับว่า D500 ให้คุณภาพไฟล์ RAW ที่ดีมาก  แต่ที่น่าประทับใจมากคือไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมาก ภาพที่บันทึกอันเดอร์ 5 สตอปยังสามารถดึงกลับมาโดยได้รายละเอียดที่ดีและสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นก็แทบไม่แตกต่างจากการตั้งความไวแสงสูงขึ้น 5 สตอปเช่น บันทึกที่ ISO 100 อันเดอร์ 5 สตอปแล้วดึงค่าแสงจากไฟล์ RAW ให้กลับมาปกติ คุณภาพที่ได้แทบไม่ต่างจากการตั้งบันทึกที่ ISO 3200 ทั้งเรื่องสัญญาณรบกวนและคอนทราสต์  สัญญาณรบกวนของ D500 เมื่อใช้ที่ ISO 3200 อยู่ในระดับค่อนข้างน้อย  ที่ ISO 6400 จะปรากฏสัญญาณรบกวนชัดเจนแต่รายละเอียดยังดี ที่ ISO 12800 สัญญาณรบกวนเห็นได้ชัดแต่นับว่าทำได้น่าพอใจมากแล้วสำหรับกล้องขนาด APS-C

ในส่วนของการถ่ายทอดสี D500 ให้ภาพจากไฟล์ JPEG ที่ผมชอบมากกว่ากล้อง DX รุ่นก่อนหน้าของนิคอน  อย่างแรกคือภาพที่ได้มีความสว่างใกล้เคียงภาพที่เห็นจากหลังจอ สีสันที่ได้แม้จะไม่สดเท่าหน้าจอแต่ภาพดูใสสีสันเจิดจ้ากว่าเดิมชัดเจน ให้ภาพที่มีความอิ่มสีดี ไม่ต้องปรับแต่งอะไรมากก็สามารถนำไปใช้งานได้เลย

สำหรับการบันทึกวิดีโอ D500 ทำได้ดีมาก สามารถบันทึกวิดีโอ 4K UHD ได้ ภาพที่ได้มีรายละเอียดสูงมาก และที่ดีมากคือไฟล์วิดิโอสามารถตัดต่อส่วนที่ไม่ต้องการออกได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ และสามารถดึงภาพนิ่งความละเอียด 8 ล้านพิกเซลจากไฟล์วิดีโอ 4K ได้ในการบันทึกด้วยคุณภาพระดับ Full HD ฟังก์ชั่นที่ผมชื่นชอบมากคือ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานได้ดีมาก ไฟล์วิดีโอที่ได้จากการถือกล้องด้วยมือดูนิ่งดีมาก และช่องต่อไมโครโฟนภายนอกกับช่องต่อหูฟังก็ช่วยให้สามารถทำงานวิดีโอระดับอาชีพได้ดี


ความเห็น

d500_12

ที่ ISO 3200 ผลที่ได้น่าพอใจมาก ภาพมีสัญญาณรบกวนตํ่า รายละเอียดดี  กล้อง Nikon D500 เลนส์ Nikkor AF-S DX 10-24mm. f/3.5-4.5G ED ; 1/30 Sec f/5.6, Mode : M, WB : Auto, ISO 3200

นี่คือกล้องที่สวย มีเสน่ห์ และใช้งานสนุกอย่างยิ่ง ความเร็วในการโฟกัส ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องจะทำให้ผู้ที่ได้ลองแล้วจะหลงรัก  สำหรับผมแล้วตอบได้เลยว่า D500 คือกล้องที่ผมต้องหามาใช้งานอย่างแน่นอน เพราะมันช่วยให้ผมถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ดีอย่างที่ผมต้องการ มันเป็นกล้องที่คุ้มค่า คุ้มราคา 69,900 บาทอย่างมาก หากสิ่งที่คุณต้องการคือ กล้องที่ใช้งานได้ทุกรูปแบบทั้งภาพแลนด์สเคป พอร์เทรต มาโคร ภาพทั่วๆ ไปโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณชื่นชอบการถ่ายภาพนกและภาพสัตว์ป่า หรือภาพกีฬา  D500 จะตอบสนองความต้องการได้อย่างดีเลิศ  แนะนำเป็นพิเศษเลยครับ
ขอบคุณ : บริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด สําหรับความอนุเคราะห์กล้องและเลนส์ที่ใช้ในการทดสอบ  ข้อมูลเพิ่มเติม : www.nikon.co.th

เรื่อง / ภาพ : อิสระ เสมือนโพธิ์