Knowledge

INTERVIEW : ภาวิตา รุ่งโรจน์วัฒนา

KID PHOTOGRAPHY

การถ่ายภาพเด็ก ไม่ใช่ศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้มากนัก ไม่ต้องมีเทคนิคซับซ้อน ไม่ได้ต้องอาศัยอุปกรณ์ขั้นเทพทั้งกล้องและเลนส์ แต่ต้องเรียนรู้จิตวิทยาในการสื่อสารกับเด็ก เรียนรู้อารมณ์ของเด็ก เรียนรู้ว่าเมื่อไรควรถ่าย เมื่อไรควรหยุด ความใจเย็นและอดทนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ภาพเด็กที่มีฉากหลังสวยงาม คมชัดสีสันสดใส หรือประดับด้วยพร๊อพที่สะดุดตา อาจไม่ใช่ภาพเด็กที่น่าประทับใจ ในขณะที่ภาพธรรมดาๆ จากสมาร์ทโฟน พ่อ แม่ อาจเก็บความเป็นธรรมชาติของเด็ก อารมณ์เด็ก ความสนุกสนาน อากัปกิริยาที่น่ารัก ได้ดีกว่า เพราะพ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง คือ คนที่ใกล้ชิดกับเด็ก มีเวลาทำกิจกรรมรวมกันมากกว่าช่างภาพที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเด็ก ดังนั้นสิ่งสำคัญมากกว่าอุปกรณ์คุณภาพสูงก็คือ อุปกรณ์ที่พร้อมอยู่ในมือคุณเสมอ เพราะแอคชันที่ดีมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไม่พร้อมในการถ่ายภาพก็จะพลาดโอกาส หากต้องการภาพที่ดีในทุกช่วงเวลาของเด็ก กล้องควรอยู่ใกล้มือเสมอ และใช้มันให้คล่อง หยิบออกมาถ่ายได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลากับการปรับตั้ง เก็บทุกอิริยาบถที่คุณประทับใจไว้มากที่สุดเสมอ เพราะช่วงเวลาของเด็กจะผ่านไปรวดเร็ว ไม่อาจย้อนกลับมาได้อีก


ภาวิตา รุ่งโรจน์วัฒนา
ช่างภาพ Photo kiss kids Newborn Studio

นี่ไม่ใช่งานของช่างภาพใจร้อน ชอบสั่งแบบ เพราะสิ่งที่เธอทำอยู่นอกเหนือการควบคุมของช่างภาพ ต้องทำด้วยความรัก ต้องทำด้วยใจ ด้วยจิตวิทยา อดทนและเอาใจใส่ ประสบการณ์หลายปีในการถ่ายภาพเด็กของเธอจึงมีเรื่องราวมาถ่ายทอดได้อย่างน่าติดตาม

ช่วยเล่าประวัติส่วนตัวหน่อยครับ
โบว์ ภาวิตา รุ่งโรจน์วัฒนา นะคะ แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้เป็นช่างภาพอาชีพ ทำธุรกิจส่วนตัวมาหลายอย่าง เป็นพนักงานบริษัทก็ลองมาแล้ว งานถ่ายภาพจริงๆ แล้วเป็นงานอดิเรก แล้วก็มารู้จัก PIXPROsCOOL ก็ไปเรียนถ่ายภาพเพิ่ม จนคุณครูดัสแกถามว่าสนใจถ่ายภาพแนวไหนเป็นพิเศษไหม เราก็บอกว่าเราจริงๆ ชอบถ่ายคน แต่ว่าการแข่งขันเรื่อง wedding อะไรพวกนี้ค่อนข้างเยอะ เราไม่ชอบ เราไปเห็นงานต่างประเทศ งานเด็ก งานถ่ายเด็ก เราสนใจเราชอบมากๆ เลย คุณครูก็ส่งลิงค์ข้อมูลมาให้เราดูมาศึกษา ระหว่างนั้นเราก็เรียนถ่ายภาพเพิ่มกับ PIXPROsCOOLด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็ครูพักลักจำ รับงานอีเว้นท์ทั่วไป งานรับปริญญา จนสุดท้ายก็มาหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เรียนถ่ายภาพเบ็ดเสร็จประมาณสัก 2 ปีกว่าๆ ถึงจะเริ่มมาทำเป็นอาชีพจริงๆ เป็นช่างภาพถ่ายภาพเด็กค่ะ

จริงๆ แล้วมีความชอบเด็กมากด้วยรึเปล่าครับ จึงสนใจถ่ายภาพเด็ก
ชอบเล่นกับเด็กค่ะ คือเด็กเค้าจะเป็นธรรมชาติ เค้าจะไม่อะไรกับเราเวลาเราทำงาน เค้าก็จะปล่อยตัวของเค้า เวลาทำงานเราจะสบายใจกว่า เวลาถ่ายผู้ใหญ่บางทีก็จะมี กลัวอ้วน กลัวผอม กลัวตรงนั้น กลัวตรงนี้ เรารู้สึกไม่อิสระเวลาทำงาน มันถูกสั่งด้วยคำว่า ฉันไม่อยากได้มุมนี้นะ แต่ช่างภาพรู้สึกว่ามุมนี้เป็นตัวของตัวคุณ แต่คุณไม่อยากได้ ถ้าถ่ายเด็กเราจะเห็นว่าเค้าไม่เสแสร้งในการแสดงปฏิกิริยากับเรา เราก็ถ่าย แล้วภาพมันได้อารมณ์มากกว่า ก็เลยคิดว่าถ่ายเด็กดีที่สุดสำหรับเรา ตัวเราชอบ แม้ว่ามันจะสั่งไม่ได้เลย แต่เราได้งานที่เราอยากได้

เริ่มยังไงครับ หมายถึงว่าเมื่อทำเป็นอาชีพ ทำเป็นสตูดิโอเลยรึเปล่า
ช่วงแรกเลย ด้วยความที่เราอยู่ศรีราชา ก็เริ่มจากรับที่ศรีราชาก่อน ก็มีลูกค้ายอมเดินทางไปที่บ้านเพื่อไปถ่าย ตอนนั้นก็ทำเล็กๆ เหมือนทดลองตลาดไปในตัว แล้วก็หาพอร์ตงานด้วย แต่ช่วงก่อนที่จะเป็นพอร์ตงานจริงๆ เป็นลูกเป็นหลานของเราเองที่มาลองถ่าย แล้วก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเซอร์วิสที่บ้านลูกค้า จนปัจจุบันเราถ่ายที่บ้านลูกค้าทั้งหมด จะไม่ได้รับที่สตูแล้ว เนื่องจากพร็อพเต็มบ้าน พร็อพเต็มสตู ไม่มีพื้นที่ค่ะ

ในการถ่ายเด็ก อารมณ์ของเด็กเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณมีวิธีจัดการเรื่องอารมณ์ของเด็กอย่างไร
อย่างโบว์เองถ่าย newborn ก็จะบอกคุณแม่ผู้ปกครองเด็กว่า เราจะไปถึงประมาณ 9 โมงเช้า เป็นช่วงที่เด็กหลับมาทั้งคืนเต็มที่ ข่วงเด็กที่จะตื่นเป็นช่วงเช้าเค้านอนเต็มที่ เพราะฉะนั้นช่วงที่เค้าตื่นอีกรอบนึงตอนเจอเรา หรือว่าจะหลับต่อเค้าจะอารมณ์ดีอยู่ เพราเค้าไม่เหนื่อย เค้านอนมาทั้งคืนล่ะ เราจะเซตท่าหรือจะทำอะไรกับเค้าก็ได้ แม้กระทั่งเด็กโตก็ตาม เด็กหนึ่งขวบ เด็กที่เริ่มเดินได้ มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรกับเราได้ แต่ถ้าเลทไปแล้วสักสิบโมง สิบเอ็ดโมง จะเริ่มเบรกนอนอีกรอบนึงของเด็ก จะโยเยละ สั่งไม่ได้ เพราะฉะนั้นทำงานกับเด็ก ช่วงเช้าเค้าอารมณ์ดี ต้องรีบทำงาน เก็บชั่วโมงทองตรงนี้ให้เร็วที่สุด จะได้งานช่วงนี้แหละค่ะ

เห็นบอกว่างานของคุณส่วนใหญ่ไปทำงานที่บ้านลูกค้า คุณไปดูสถานที่ก่อนไหมหรือไปวันที่ทำงานเลย
ส่วนใหญ่แล้วถ้าถ่าย newborn เราจะบอกลูกค้าล่วงหน้าเลยว่าพื้นที่ที่เราใช้ทำงานประมาณ 2 ตารางเมตรไม่เกินนี้ ถ้ามันแคบ มันมีอะไร เดี๋ยวเราไปปรับตามหน้างาน ตามพื้นที่จริงของลูกค้า เพราะพื้นที่ที่ใช้ถ่ายเด็กจริงๆ เล็กมาก แต่ถ้าเป็นเด็กโต เด็กขวบที่วิ่งได้ เราก็จะบอกเค้าว่า พื้นที่มากกว่านั้นนิดนึง เพราะต้องเผื่อเด็กวิ่งออกจากฉากอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เซ็ตหน้างานทุกครั้ง บางทีลูกค้าจะส่งภาพที่บ้านมาให้ดูว่าใช้ได้ไหม เพราะเป็นกังวล จริงๆ คือเล็กมากๆ เราก็ถ่ายมาแล้ว ปีนโซฟาถ่ายก็ทำมาแล้ว เพราะในห้องคอนโดของลูกค้า เค้าไม่ได้แพลนว่าจะมีน้อง แล้วบังเอิญน้องมาก่อนเวลาที่จะซื้อบ้านหลังใหญ่ กลายเป็นว่าเราต้องถ่ายที่คอนโดเล็ก ที่เป็นคอนโดหนุ่มสาวอยู่ ก็ต้องแก้สถานการณ์ ณ วันจริงเลย ก็ถ่ายได้

newborn มีปัญหาเรื่องการใช้แสงแฟลชหรือไม่
แสงแฟลชใช้ได้ค่ะ มันมีวิธีใช้ ส่วนตัวของโบว์ ถ้าไปถึงบ้านลูกค้า มีบานหน้าต่างใหญ่ๆ แล้วแสงเข้าเต็มๆ จะเลือกเอาเป็นโลเคชั่นถ่ายเด็ก จะไม่ใช้แฟลช ไม่ใช้ไฟ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผ้าม่านของบังหมด ก็ใช้ไฟสตู แต่เราจะไม่ใช้ไฟสตูที่ไฟกำลังแรงเหมือนถ่ายแฟชั่นพอร์ตเทรตทั่วไป ถ่ายกับเด็กคือต้องระวังเรื่องแสง ใช้กำลังไฟน้อยๆ ยอมที่จะใช้ ISO มากขึ้น แล้วก็ไม่ส่องกับหน้าเด็กตรงๆ เราก็จะหลีกเลี่ยงเป็นด้านข้าง ด้านมุม 45 องศา ไม่ได้เข้าด้านหน้า ก็จะเป็นว่า ถ้าเด็กหันหัวทางนี้ ไฟจะเข้าทางนี้แทน เป็นการหลบเลี่ยงให้เค้า

ไม่มีปัญหากับพ่อแม่ใช่ไหมครับ
ไม่มีค่ะ พ่อแม่เข้าใจ แล้วก็ลูกค้าเราที่ถ่ายมาตั้งแต่ปีแรก ณ ตอนนี้ถ่ายมา 3 ปี ลูกค้าที่เราถ่ายตอน newborn ณ วันนั้น จนวันนี้เด็ก 3 ขวบ แข็งแรงดี ปลอดภัย

เด็กส่วนใหญ่ที่ถ่ายจะเป็น newborn ใช่ไหม อายุมากสุด น้อยสุด ช่วงไหนครับ
ถ้าเป็นเคส newborn ถ้าจะนับบางคนเค้านับ 45 วัน แต่เคสที่เราเจอตีให้สัก 2 เดือนหรือ สัก 2 เดือนกว่าๆ เวลาโพสท่าเนี่ย บางคนมองว่า newborn ต้องนอนขด นอนขดของช่างภาพเนี่ยเราจะมอง ณ วันงานว่าเด็ก 3 เดือน นอนขดเป็น newborn ได้ แต่ถ้าจะให้ดีสำหรับที่จะถ่าย newborn เลยนะคะ สำหรับโบว์เอง 2 สัปดาห์แรก เพราะน้องจะหลับเยอะกว่าที่จะตื่น แล้วเค้าจะไม่สนใจมือเราที่จะไปเซตอัพอะไรเค้า เค้าจะไม่สนใจเลย เค้าจะหลับเก่งมาก แต่ถ้าเริ่ม 45 วัน ถึง 2 เดือน พอไปเริ่มจับมือ จับหน้า จับขา เค้าจะรำคาญ เค้าจะหงุดหงิด เพราะฉะนั้นก็จะแนะนำว่าถ้าเป็น newborn ขอไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะง่ายกับเด็ก เสร็จเร็ว พักเร็ว

ใช้เวลานานแค่ไหนต่อเด็ก 1 คน
กำหนดไม่ได้เลยค่ะ แต่จะบอกไว้ที่ 2-3 ชั่วโมง เพราะว่ามันเคยดีเลย์ถึง 6 โมงเย็น วางร้อง ไปโดนนิดเดียวก็ร้อง ไม่ได้ทำอะไรเลย คุณแม่ก็ต้องอุ้ม ไปเบรก ไปกินนม ไปอะไรก็ได้ 40 นาที หนึ่งขั่วโมงแล้วก็กลับมา วางอีก ร้องอีก ก็ต้องรอค่ะ แต่เร็วสุดที่เราเคยทำได้คือเราเซตอัพของ 9 โมงนิดๆ 11 โมงเสร็จ เร็วสุดคือ 2 ชั่วโมง แต่ช้าสุดเคยถึง 6 โมงเย็น เริ่มงานเหมือนกัน 9 โมงนิดๆ เสร็จ 6 โมงเย็น

ถ่ายหลายเซตมั๊ยครับ กับชุดของน้องที่เปลี่ยนสำหรับลูกค้าแต่ละราย
อย่างขั้นตอนการทำงานของโบว์เองจะเริ่มจากเป็นนู้ดก่อน นอนขดเป็นอะไรที่เราเห็นทั่วไป เป็นเด็กนอนหลับ นอนขดให้เห็นเป็นสรีระธรรมชาติเค้าก่อน เน้นแบบนั้นก่อน แล้วค่อยปรับเปลี่ยนเป็นผ้าห่อ เฮดแบนด์ หมวก ท่าโพสเท้าคางหรืออะไรพวกนี้ค่ะ ปรับท่าบนนั้นก่อน อาจจะเปลี่ยนสีรองพื้น เปลี่ยนท่าโพสบนบีนแบค(Beanbag) จะเป็นเบาะสำหรับเด็กนอนโพสค่ะ จะต้องดูเด็กว่า ถ้าเด็กหลับลึก เค้าขยับแล้วเค้าไม่ตื่น ท่าโพสจะได้เยอะ แต่ถ้าเด็กที่จับร้อง แตะไม่ได้ ก็ใช้วิธีเปลี่ยนของเข้าไปบนตัวเค้า เอาที่คาดผมออกเปลี่ยนเป็นดอกไม้อันใหม่ เอาผ้าลูกไม้คลุมน้อง หรือกระโปรงคลุมน้องอะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็หลังจากนั้นถ้าเรียบร้อยจากบนบีนแบคแล้วถึงจะไปลงพร็อพตะกร้าหรือของเล่นที่เราเห็นตามเน็ตทั่วไปอย่างนั้นค่ะ ก็ไม่ค่อยได้นับหรอก จริงๆ แล้วก็ให้ 10 แอคชั่น เราก็จะดูแล้วว่าประมาณนี้ เราได้รูปที่เราต้องการแล้วคือจบงานได้

ถ้าอายุมากขึ้นกว่า newborn มีถ่ายบ้างมั๊ย
มีค่ะ 1 ขวบ 2 ขวบ เป็นแฟชั่นเสื้อผ้า คุณแม่เค้าก็จะจัดเตรียมเอง

ความแตกต่างจาก newborn
อย่าง newborn เอาง่ายๆ เลยคือ เด็กจะแค่หลับ หิวนม ตื่น ฉี่ ถ่าย และก็ทำความสะอาด เบรก แต่ถ้าเป็นเด็กโต อย่างที่บอกคือถ้าไปเช้า ไปถึงทำงานแข่งกับเวลา เพราะเค้าจะสนใจคนใหม่ๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงเต็มที่ คือ จะต้องถามคุณแม่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวเด็กก่อนว่า น้องชอบการ์ตูนอะไร ชอบเล่นเกมอะไรอยู่ เราจะได้คุยในสิ่งที่เค้าสนใจ ทำความเข้าใจเด็กก่อน จะได้จูนแล้วก็คุยในสิ่งที่เค้าชอบ พอคุยในสิ่งที่เค้าชอบ เวลาเราหลอกให้เค้าเข้าฉากไปเล่น เค้าจะเล่นกับเรา แล้วก็จะมีผู้ช่วย ผู้ช่วยก็จะคอยร้องเพลงข้างหลัง มาล่ออยู่ข้างหลัง สายตาเค้าจะไม่เหมือนถ่ายรูปติดบัตร เพราะเค้าจะหัวเราะเล่นกับคนข้างหลัง ถ้าโอเค ผู้ช่วยไม่ผ่าน หมายถึงว่า เด็กไม่สนใจ ก็จะเอาพี่เลี้ยงคนสนิท เอาคนที่เด็กชอบเล่นมายืนข้างหลังช่างภาพแล้วบอกให้เรียกมาทางนี้แล้วก็เล่นกับเค้า ถ้าเค้าวิ่งออกก็จะไม่ไล่เค้ากลับไปในฉาก ปล่อยเค้าก่อน เด็กโตจะต้องเอาอารมณ์เค้าเป็นหลัก จะได้งานจากเค้า เค้าต้องอารมณ์ดีก่อน เค้าต้องยอม ถ้าบังคับเข้าฉากมันจะไม่ได้แอคชั่นที่เป็นธรรมชาติ ก็จะต่างกับเด็กเล็ก อันนี้ต้องใช้จิตวิทยาในการเข้ากับเด็ก คือร้องเพลงก็ต้องให้ถูกจริตเค้าด้วยว่า เค้าชอบเพลงนี้อยู่นะ ช่วงนี้ baby shark กำลังอินนะ ช่างภาพต้องร้องได้ ผู้ช่วยร้องได้ ทุกคนในทีมที่ไปทำงานต้องร้องได้ แล้วเค้าจะกระโดดโลดเต้นกับเราเวลาเราทำงาน ก็จะต่างกันตรงนี้แหละ เพราะถ้าเด็กเล็กก็คือหลับอย่างเดียว ไม่สนใจเรา

พอเป็นเด็กโต โลเคชั่นที่เราใช้ แตกต่างเยอะไหม
อย่างโบว์เองจะไม่รับถ่าย outdoor ของเด็กโต จะถ่ายเฉพาะฉากขาวเป็นแฟชั่น ซึ่งจริงๆ แล้วโบว์เน้นเป็น newborn หลักๆเลย ก็จะบอกคุณแม่ว่า ที่ไม่ถ่าย outdoorให้ เนื่องจากแสงบ้านเรามันจะสวยช่วงเช้ากับเย็นไปเลย ซึ่งเช้าก็ต้องเช้ามากๆ แสงจะซอฟต์ๆ แล้วเด็กไม่ร้อน คือ ถ้าจะเอาเด็กไปบ้านเรา 9 โมง อากาศร้อน แล้วเหงื่อแตกเต็มเลย เราสงสารเด็ก เคยมีเคสลูกค้าอยากได้สวนในบ้าน เราก็ไปให้ แต่น้องวิ่งจนผมเปียสวยๆ เปียกหมด สรุปคุณแม่ก็เลือกเป็นฉากขาวที่ถ่ายในบ้านห้องแอร์ เด็กอารมณ์ดี ผมสวยๆ ยิ้มแย้ม เริงร่าของเค้า ก็เลยเน้นถ่ายฉากขาว เป็นแนวแฟชั่นกับเด็กโต

มีทริคอะไรในการทำงานที่ใช้กับเด็กหรือพ่อแม่ของเด็กเพื่อให้งานราบรื่น
ก่อนที่เราจะไปทำงาน เราจะให้ลูกค้าสอบถามข้อข้องใจทั้งหมดก่อน เพราะว่าเราเน้นถ่ายเด็กเล็ก ความกังวลของผู้ปกครองจะเยอะมากแล้วหลายบ้านที่เป็นลูกคนแรก อย่างคำถามแรก แสงมันจะมีผลกับเด็กไหม จะอันตรายไหม พร็อพสะอาดไหม ซักรึเปล่า อะไรอย่างนี้ คือคำถามพวกนี้จะโดนถามหมด เราจะคุยกันก่อนที่จะมีการว่าจ้าง เพราะฉะนั้นเราจะบอกว่า เราจะเคลียร์ให้จบก่อนที่จะชำระเงินจองคิวเรา เวลาไปทำงานปุ๊ปจะไม่มีคำถามพวกนี้ ต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าก่อน

เรื่องมุมของการถ่ายภาพ เวลาเราทำงาน ถ่ายหลายมุมไหม
หลายมุม อย่างสมมุติ ถ้าเซตพร็อพอะไรที่เป็นมุมกด ช่างภาพจะมีภาพในใจก่อนไปทำงาน จะรู้ละ โอเค เดี๋ยววันนี้เป็นเด็กเล็ก ถ้าเราจะถ่าย ดอกไม้กลมๆ เราจะถ่ายเป็นมุมกด ถ้าเราจะให้เห็นด้านข้าง เราจะหมุนมุมกล้องเอง แต่เราจะมีภาพในใจ เราทำการบ้านไว้ละ ถ้าเราเซตพร็อพนี้ไป แต่การบ้านในหัวของเราคือ เราต้องมีมากกว่า 10 หรือ 20 ช็อต เพราะว่าหน้างาน เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราจะเจอคือเด็กวันนั้นเค้าจะให้ความร่วมมือกับเราแค่ไหน เค้าอาจจะโยเย ท่าที่เราอยากให้เค้าทำ อาจจะไม่ยอมทำ อย่างเด็กบางคนไม่ยอมหลับเลย ตื่นตลอด ถ้าคุณแม่อยากได้ท่าอย่างนี้(เท้าคาง) โอเค ตั้งท่า แต่น้องตื่น น้องดิ้น อย่างน้องเคส 2 เดือน แต่คุณแม่อยากได้ท่านี้ (เท้าคาง) แล้วน้องดิ้นก็จะไม่ได้ ก็ต้องให้น้องนอน นอนหงาย แล้วก็ต้องหลอกให้เค้ามองกล้อง ให้เค้ายิ้ม คือก็ต้องเปลี่ยนไปตามหน้างาน แต่ถ้าเด็กไม่มีปัญหาในเรื่องเซตท่า เค้าก็จะรู้ละท่าเท้าคาง เราก็ถ่ายหน้าตรง ถ่ายด้านข้าง หลายๆ มุม แล้วช่างภาพจะเลือกที่จะรีทัชให้ลูกค้าให้หลากหลายมุมนิดนึงค่ะ

เวลาไปทำงาน ใช้คนทำงานกี่คน
สองคน คือเรากับผู้ช่วย เพราะว่า เวลาทำงานจริงๆ คือ มันไม่ต้องเยอะ เอาเข้าจริงๆ ช่างภาพจะเป็นคนเซตของขึ้นเองว่าจะเอาอะไรใส่เข้าไปที่ตัวเด็ก แล้วผู้ช่วยจะเป็นคนเซฟเด็กให้ สมมุตเราเซตท่าปุ๊ปเราจะให้แสตนบายข้างเด็กเลย ถ้าเรากดชัตเตอร์ มือผู้ช่วยติดเข้ามา เสียช็อตไม่เป็นไร แต่เด็กต้องไม่อันตราย คือเค้าจะไม่ดิ้นหลุดไปจากท่าที่เราเซตค่ะ เพราะจะมีจังหวะเด็กบางคนเค้าจะดีดตัวขึ้น แรงสปริงเค้าดี กล้ามเนื้อเค้าดี เค้าดีดตัว บางทีเหมือนจะหงายหลัง จะให้แสตนบายแน่นอน ผู้ช่วยเราหนึ่ง บางทีก็พี่เลี้ยงอยู่ด้วย 2 ข้าง อะไรอย่างนี้ ก็ทำ 2 คนพอ

ในความเห็นของคุณโบว์ คุณสมบัติของช่างภาพเด็กที่ต้องมีคืออะไร
ให้มีใจรักก่อน รักที่จะทำงานกับเด็ก เด็กเป็นอะไรที่สั่งไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น newborn เป็นเด็กโต เด็ก 5-6 ขวบ ที่เราเข้าใจว่าเค้าเข้าใจรู้เรื่องแล้ว จริงๆ แล้ว เค้าก็มีความเข้าใจหรือเหตุผลของเค้าเล็กๆ อันนึง ซึ่งสมมุติว่าเค้าเหนื่อยละ เค้าล้า เค้าไม่พอใจ คือเค้าไม่อยากทำ ในขณะที่เราอยากได้งาน ทำอย่างไรให้เด็กยอมทำงานกับเราแบบสบายใจ แล้วเราได้งานด้วย ก็เลยต้องบอกว่าต้องใจรัก ต้องใจเย็น ไม่เหมือนผู้ใหญ่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง แดดร้อน เหงื่อแตกก็ยิ้มค่ะ โอเคค่ะ โพสค่ะ รักกัน ทั้งๆ ที่เหงื่อมันไหลอยู่ในชุด เด็กจะไม่เป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นต้องรักงานนี้ก่อน รักที่จะอยู่กับเด็ก รักที่จะทนแล้วรอได้ ถึงจะทำงานกับเด็กได้

ภาพเด็กที่ดีในความเห็นของคุณโบว์เป็นอย่างไร
ภาพเด็กที่ดีสำหรับโบว์เองเลยนะคะ โบว์จะบอกลูกค้าทุกบ้านเลยว่า จริงๆ แล้วโบว์ไม่ใช่ถ่ายภาพเก่ง คนที่น่าจะได้ภาพดีกว่าโบว์น่าจะเป็นพ่อกับแม่ เพราะเค้าจะเป็นคนที่ตื่นเช้ามาแล้วรู้ว่าเดี๋ยวถ้าลูกอาบน้ำ ลูกแต่งตัวเสร็จ ลูกจะอารมณ์ดี ช่วงไหน เวลาไหน น่าจะได้รูปดีกว่าเรา เพราะเราไปในวันที่จำกัด เรื่องเวลา สมมุติว่านัดเราวันนี้ เมื่อวานนี้เด็กไม่สบาย พอไปถึงหน้างานปุ๊ปเด็กโยเย เราแค่พยายามทำให้ได้รูปดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก็เลยจะบอกผู้ปกครองว่า รูปที่ดีที่สุดคือ ผู้ปกครองเก็บโมเม้นต์ให้เค้าในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา เวลาทำงานก็จะนึกว่า เอาให้มันคลีนที่สุด ให้เค้ารู้สึกถึงความเป็นเด็ก ให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติของตัวเด็ก พักหลังมานี้พร็อพจะน้อยมาก แล้วทำงานมาสัก 3 ปีกับเด็ก รูปที่ลูกค้าเลือกที่จะไปปริ้นเพื่อจะขึ้นฝาผนังบ้าน เป็นรูปที่นอนเปลือยๆ เห็นหน้าชัดๆ นอนเท้าคางจะขายดีมาก แล้วก็รูปนอนตะแคงข้างที่เห็นโค้งสรีระ เนื้อตัวยู่ๆของเค้าอะไรพวกนี้จะเป็นรูปธรรมชาติที่สุด ที่ผู้ปกครองเลือกปริ้นท์ ซึ่งตรงกับใจช่างภาพ ไม่ใช่ขี้เกียจนะคะ แต่อันนี้มันสื่อถึงความเป็นเด็กมากกว่า ในขณะที่พร็อพมากๆ อุปกรณ์ประกอบให้เด็กเยอะๆแล้วเราเห็นกดไลค์กระหนํ่าในเพจ ในอินเทอร์เน็ต กลับเป็นรูปที่ลูกค้าปริ้นท์น้อยมาก มันดูหวือหวา มันดูเหมือนเด็กเป็นตุ๊กตา มันสวยงาม มันน่ารักในความรู้สึกเราเป็นช่วงสั้นๆ รูปที่จะให้ความรู้สึกว่าอยู่กับเราไปนาน คืออะไรที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่า นี่แหละลูกเรา นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้ เค้าน่ารัก เค้าตัวแค่นี้เอง อย่างบางรูปวางเค้าอยู่บนมือคุณพ่อ ลูกค้าบอกว่าพอผ่านไปแล้วถ้าไม่เห็นตอนรูป newborn เนี่ย ผมลืมไปแล้วว่าเค้าเคยตัวเท่านี้อยู่บนมือผม สองมือนี้จับเค้าหมดตัว ตอนนี้คือวิ่งซนไปละ อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็เลยมองว่าภาพเด็กที่ดีคือภาพที่ให้เป็นตัวของเค้ามากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด

สิ่งที่ไม่ควรทำในการถ่ายภาพเด็ก มีอะไรที่ต้องระวังบ้าง
ทำงานกับเด็กสิ่งที่ต้องระวังคือ เรื่องความสะอาด อุปกรณ์ที่ใช้กับเด็ก เราจะคิดว่า ไม่เป็นไร เราใช้ได้ เด็กก็น่าจะใช้ได้ จริงๆ แล้วคือไม่.. เด็กเค้าเซนซิทีฟกว่าเรา ภูมิต้านทานของเค้าน้อยกว่าเรา เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ที่ใช้กับเค้าต้องคำนึงว่า ถ้าเรามีลูก เราจะใช้ของสะอาดอย่างนี้กับลูกเราเหมือนกัน ทำงานกับเด็กเรื่องสุขอนามัยสำคัญสุดนะคะ แล้วก็เรื่องความปลอดภัยของเด็ก เวลาเซตท่าเด็กจะให้เด็กทำอะไรในท่าไหนต้องนึกถึงความปลอดภัยเป็นหลักในสายอาชีพที่ทำอยู่ค่ะ

ปัจจุบันคุณโบว์ใช้กล้องรุ่นอะไรในการทำงาน
Nikon D610 แล้วก็ใช้กับเลนส์ AF-S NIKKOR 24-120mm f/4G ED VR ตัวนี้ใช้ติดมือละ ก่อนหน้านี้จะสลับกับกันระหว่าง AF-S NIKKOR 85mm f/1.8G กับ AF-S NIKKOR 50mm f/1.8G ใช้สองตัวแล้วเรารู้สึกว่ามันไม่คล่องตัวในการทำงานของเรา แล้วก็จะลำบากในเรื่องพื้นที่บ้านลูกค้า องศา มุมภาพที่เราอยากได้ มันบังคับเพราะเป็นเลนส์ fix เราก็เลยเปลี่ยนเป็นตัวนี้ ใช้งานสะดวก ครอบจักรวาลมาก เลนส์อื่นไม่ได้ใช้เลยในปัจจุบันค่ะ ถ้าจะทำงานกับเด็กแล้วเปลี่ยนเลนส์ บางทีไม่ได้ เพราะเสียจังหวะ บางทีถ่ายอยู่ เราถ่ายเต็มตัวปุ๊ป เค้ายิ้ม เราจะซูมเพื่อที่จะโคลสอัพหน้าเค้า ตัวนี้ ( AF-S NIKKOR VR 24-120mm f/4G ED) จะคล่องกว่าที่จะเปลี่ยนเลนส์ไปมา หรือใช้กล้อง 2 ตัว

บันทึกเป็น RAW File หรือ JPEG และรีทัชมากน้อยแค่ไหนในการทำงาน
จะถ่ายเป็น Raw File ค่ะทั้งหมดเลย ส่วนใหญ่ก็รีทัชหมด เพราะว่า newborn อย่างที่บอกตอนต้นเลยว่าที่เราเห็นในอินเทอร์เน็ตนั้น หน้าที่ดูเกลี้ยงๆ ของเด็ก พอด้วยความที่กล้องนี้มันไม่เหมือนมือถือ พอเวลาถ่าย ที่เค้าว่าโฆษณาว่าเก็บรายละเอียดดีมากเลย มันเก็บทุกเส้นเลือดบนใบหน้าเด็ก แล้วก็เม็ดผดเล็กๆ เส้นเลือดสีม่วงๆ ตามเปลือกตา ซึ่งถ้าเรามองผ่านๆ เราจะไม่เห็น แต่พอถ่ายด้วยกล้อง DSLR พวกนี้ จะขึ้นมาหมดเลยค่ะ เส้นขนเล็กๆ ริ้วรอยบนหน้าเด็ก บางทีก็รอยเล็บข่วน เด็กบางคนเป็นผดเยอะมาก เด็กน้อยคนที่จะผิวเกลี้ยงจริงๆ แบบไม่ต้องรีทัช ส่วนใหญ่จะมีผด มีรอยขุยของผิว ต้องรีทัชหมด

ภาพที่เรารีทัชส่งไปให้ลูกค้าหลายภาพมั๊ยครับ
ไฟล์หลักที่เราส่งให้ลูกค้า จะส่ง 15 ไฟล์ที่เป็นรีทัช ณ ปัจจุบัน เยอะกว่านี้ไม่ไหวค่ะ สงสารเด็ก

แล้วอุปกรณ์อื่นๆ ที่ช่างภาพจำเป็นต้องมีในการถ่ายภาพเด็ก ที่นอกเหนือจากกล้อง เลนส์ ที่ใช้อยู่
สำหรับโบว์ ถ้าเป็นแสงธรรมชาติที่บ้านลูกค้าใช้ไม่เยอะค่ะ ถ้าพูดในแง่เรื่องอุปกรณ์ถ่ายภาพ ก็จะมีแฟลชสตูดิโอ รีเฟล็ก กล้อง เลนส์ แค่นี้ค่ะ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์อื่นๆ ที่เราใช้ในการทำงาน อย่างถ่าย newborn มีเบาะที่เรียกบีนแบค เบาะกลมๆ มีผ้าขึง คลุม รอง มีหมอนรอง หมอนหนุน หมอนสำหรับเซตท่าเด็ก อะไรพวกนี้ค่ะ

ปัจจุบันงานด้านนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ หมายถึงสตูดิโอถ่ายภาพเด็ก
ปัจจุบันเท่าที่ดู เยอะขึ้น ค่อนข้างไว จากที่ลูกค้าบอก แล้วก็เราเห็นเองด้วยในอินเทอร์เน็ต ในเฟซบุ๊ค บางที่เค้าเห็นเรา บางทีก็ดีดฟีดขึ้นมา เราก็จะเห็นว่ามีสตูดิโอเด็กเกิดใหม่ค่อนข้างจะเยอะ แล้วก็จะหลากหลาย ก็เติบโตขึ้น ย้อนไปตอนเริ่มต้น 3 ปีที่แล้ว ถ้าค้นหาใน google มันขึ้นอยู่ไม่กี่ที่ เราก็จะอยู่ 1 ใน 5 ณ ปัจจุบันค้นหาจะขึ้นเยอะมาก คือ มันบูมไว อาจจะเป็นเพราะว่าการสื่อสารมันไว มันกระจายตัวไว แล้วก็มีช่างภาพหลายคนที่เค้ามองว่าก็ไม่น่ายากก็ลองถ่าย เค้าก็ทำเพิ่มในไลน์ของเค้า เค้าอาจจะถ่ายอย่างอื่นอยู่แล้วก็มาถ่ายเด็กเพิ่ม อาจจะเคยถ่ายเด็กโตแล้วก็เปลี่ยนมาลองถ่ายเด็กเล็กเพิ่ม อะไรอย่างนี้ค่ะ

ช่วยฝากคำแนะนำช่างภาพที่สนใจในการถ่ายภาพแนวนี้ด้วยครับ
สำหรับท่านที่สนใจที่จะมาทำงานกับเด็ก ถ่าย newborn โดยเฉพาะเหมือนที่โบว์ถ่ายอยู่ อย่างแรกที่อยากให้นึกถึงคือ ความปลอดภัยของเด็กก่อน ถ้าคิดจะทำ เพราะว่าเด็กเค้าเล็กมาก เอาเป็นว่าถ้าเราจะอุ้มลูกไปถ่ายรูป ให้เอาความรู้สึกนั้นไปทำงาน ถ้าอยากจะทำงานกับเด็ก ถ้าคุณคิดแค่เม็ดเงิน คุณจะได้แค่งาน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าเค้าเป็นลูกเป็นหลานคุณ คุณจะถนอมเค้าเวลาทำงาน เอาใจเค้าใส่ใจเราเวลาทำงานกับเด็ก เรื่องความปลอดภัย เรื่องความสะอาด เป็นสิ่งสำคัญสำหรับช่างภาพ newborn สำหรับต่างประเทศจะยํ้ามากเรื่องความปลอดภัยเด็ก ที่ยํ้าบ่อยๆ อีกเรื่องที่อยากจะฝาก คือ อวัยวะเพศเด็ก เวลาถ่ายติดไม่ควรออกสื่อ ต่างประเทศเค้าซีเรียสมาก เค้าจะไม่ให้ออกเลย เต็มที่ก็ก้น สะโพก แต่ถ้าเป็นอวัยวะปุ๊ป ไม่ออก ห่อผ้า เอาผ้าปิด หรือถ่ายติดมาก็เอาออกสื่อไม่ได้ บางทีเราก็แค่ส่งให้ลูกค้า แต่เราไม่รีทัช ไม่ออกสื่อ ไม่อะไรทั้งนั้น อันนี้สงวนความเป็นส่วนตัวของเด็ก ก็ขอฝากไว้ค่ะ


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หากเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดไลค์และแชร์ด้วยนะครับ
FOTOINFO มี LINE@ OFFICIAL แล้ว !!! อย่าลืมแอดไลน์ @FOTOINFO (หรือสแกน QR Code ในภาพนี้)

ขอบคุณครับ

ติดตาม FOTOINFO ได้ทั้งรูปแบบนิตยสาร Free Copy, e-magazine ฟรีดาวน์โหลด และช่องทางอื่นๆออนไลน์ได้ที่ ?
Line@ : @fotoinfo
YouTube : Fotoinfo Channel
Website : fotoinfomag.com
e-magazine : issuu.com/fotoinfomagazine


ติดตามเทคนิค ความรู้เรื่องการถ่ายภาพ กิจกรรมถ่ายภาพ และสิทธิประโยชน์มากมาย ส่งตรงถึงคุณ ได้ที่นี่ FotoinfoPlus

หรือสนใจสาระความรู้ด้านการถ่ายภาพที่น่าสนใจอื่นๆ จากช่างภาพมืออาชีพได้ที่นี่

https://test2.fotoinfo.online/all-about-photo/protalk/