Knowledge Photography

รวมกล้องสุดคุ้ม งบไม่เกินสี่หมื่นห้า อัพเดต 2020

 

รวมกล้องสุดคุ้ม งบไม่เกินสี่หมื่นห้า อัพเดต 2020

กล้องระดับราคาตั้งแต่ 20,000 บาท ไปจนถึงไม่เกิน 45,000 บาท ถือเป็นกล้องที่มีตัวเลือกใช้งานค่อนข้างเยอะ และมีสเปคการทำงานที่ก้าวหน้า สามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งมือใหม่ มือสมัครเล่น ไปจนถึงระดับมืออาชีพ ที่ต้องการกล้องขนาดเล็ก แต่มีฟีเจอร์การทำงานที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี จะใช้เป็นกล้องสำรองในการทำงาน หรือพกพาไปถ่ายภาพในวันพักผ่อนก็ได้เช่นกัน

Fotoinfo.online ได้รวบรวมเอากล้องที่โดดเด่นมาเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่กำลังมองหากล้องถ่ายภาพซักรุ่น โดยราคาที่ลงไว้เป็นราคากลางจากผู้ผลิต ส่วนราคาขายตามร้านค้านั้น อาจจะถูกลงตามโปรโมชั่นของแต่ละร้าน สามารถสอบถามร้านค้าก่อนตัดสินใจซื้อได้ครับ

  

Canon EOS M50

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล effective
  • ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF
  • ISO 100-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-51,200
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 24p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF 2,360,000 พิกเซล
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.0 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless ที่ได้รับการปรับปรุงระบบการทำงานเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมมากทีเดียว โดดเด่นที่ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF พร้อมจุดโฟกัสแบบ Contrast Detection 143 จุด, แบบ Phase Detection 99 จุด ตอบสนองการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ ตัวกล้องยังมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 24.1 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล DIGIC 8 ช่วยให้กล้องมีการทำงานที่รวดเร็วฉับไว รวมทั้งยังให้ภาพที่ใสเคลียร์ แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ด้วย

สำหรับโหมดวิดีโอบันทึกได้ด้วยคุณภาพสูงถึง 4K UHD เฟรมเรท 24 เฟรมต่อวินาที, บันทึก Full HD 1080p เฟรมเรท 6o เฟรมต่อวินาที และบันทึกคุณภาพ HD 720p เฟรมเรท 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion นั่นเอง

ตัวกล้องมาพร้อม Port เชื่อมต่อกับไมโครโฟนเสริม ทั้งแบบ Shot Gun และ Wireless Microphone ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการบันทึกวิดีโอ เนื่องจากจะได้คุณภาพเสียงที่ดีมากขึ้น รวมทั้งสะดวกกับการทำงาน เมื่อต้องถ่ายภาพระยะไกล หรือตัวแบบไม่ได้อยู่ใกล้ๆ กล้องอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Digital IS ทำงานผสานกับเลนส์ที่มีระบบป้องกันการสั่นไหว ช่วยให้ถือกล้องบันทึกวิดีโอได้นิ่งมากขึ้นกว่าปกติ

ตัวกล้องใช้จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล แบบปรับหมุนได้ โดยปรับออกด้านข้างได้ 180 องศา และปรับหมุนรอบตัวได้ 270 องศา ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส สะดวกทั้งการบันทึกภาพทั่วๆ ไป และการบันทึกภาพตัวเอง เมื่อต้องทำงานคนเดียวอีกด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 25,990 บาท (รวมเลนส์ EF-M 15-45mm F3.5-6.3 IS STM)

   

Canon EOS M6 II

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล effective
  • ระบบโฟกัส Dual Pixel CMOS AF 5,481 จุด
  • ISO 100-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-51,200
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ EVF-DC2 แบบ OLED ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล (อุปกรณ์เสริม)
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.0 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless ที่สานต่อความสำเร็จของรุ่น M6 เดิม โดยปรับเพิ่มความละเอียดของภาพนิ่งเป็น 32.5 ล้านพิกเซล จากเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว ฉับไว จากประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล DIGIC 8 ให้ไฟล์ภาพที่คมชัด ถ่ายทอดรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้เป็นอย่างดี และมี Noise ต่ำ ถึงแม้จะเป็นการถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยสามารถปรับความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto หรือเลือกปรับตั้งเองตั้งแต่ ISO 100 – ISO 25,600 และปรับขยายได้สูงถึง ISO 51,200 สำหรับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ นั่นเอง

ตัวกล้องมาพร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040 ล้านพิกเซล ปรับควบคุมการทำงานแบบสัมผัสได้ ทั้งในโหมดของการถ่ายภาพ และการปรับตั้งเมนูการทำงานต่างๆ รวมทั้งยังสามารถปรับพลิกกลับมาด้านหน้า เพื่อถ่ายภาพ Selfies และบันทึกวิดีสำหรับชาว Vlogger สำหรับทำ Video Content นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีช่องเสียบไมโครโฟน สำหรับการบันทึกเสียงที่เน้นคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย

ตัวกล้องตอบสนองการโฟกัสที่รวดเร็วฉับไว จากประสิทธิภาพของ Dual Pixel CMOS AF เลือกจุดโฟกัสได้ถึง 5,481 จุด ครอบ คลุมการใช้งานได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง รวมไปถึงภาพนิ่งและวิดีโอด้วย โดยสำหรับโหมดวิดีโอ บันทึกด้วยคุณภาพ 4K UHD 30p และ Full HD120p สำหรับบันทึกภาพแบบ Slow Motion นอกจากนี้ ถ้าเชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกภายนอก สามารถบันทึกในรูปแบบ 4:2:2 8-bit ได้อีกด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 35,990 บาท (รวมเลนส์ EF-M 15-45mm F3.5-6.3 IS STM)

  

Fujifilm XT-200

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ Bayer Filter CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส Hybrid AF เลือกได้ 425 จุด
  • ISO 200-12,800 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-51,200
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF 2,360,000 พิกเซล
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.5 นิ้ว 2,760,000 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless ขนาดกลาง รุ่นล่าสุด มาพร้อมความโดดเด่นหลายๆ อย่าง อาทิ เซ็นเซอร์ Bayer Filter CMOS ขนาด APS-C ให้ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล การออกแบบตัวกล้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นเดิมมากทีเดียว โดยเฉพาะกริปมือจับที่ด้านหน้า ที่ช่วยให้จับถือกล้องได้กระชับมั่นคงมากขึ้นด้วย โดดเด่นด้วยจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ถึง 3.5 นิ้ว ความละเอียด 2,760,000 พิกเซล ออกแบบให้ปรับหมุนได้ และรองรับการควบคุมด้วยระบบสัมผัส

ตัวบอดี้ของ X-T200 ตัดเอาปุ่มและแป้นควบคุมบางอย่างออกไป เพื่อให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่าการทำงานหลายๆ อย่าง ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่แทนนั่นเอง นอกจากนี้ ปุ่มที่เหลืออยู่ ยังสามารถตั้งค่าให้เป็นคีย์ลัดสำหรับการทำงานเฉพาะตัว หรือให้เป็นเมนูที่ใช้งานบ่อยๆ ได้อีกด้วย

โหมดบันทึกวิดีโอ ได้รับการพัฒนาให้บันทึกด้วยคุณภาพ 4K ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที แบบไม่ครอปเซ็นเซอร์ ปรับเลือกได้เป็น Full HD ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาที และ 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมี HDR Movie Mode เพิ่มไดนามิกเรนจ์ของการบันทึกวิดีโอ ให้ถ่ายทอดรายละเอียดในส่วนมืดและส่วนสว่างได้อย่างครบถ้วน

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 27,990 บาท (รวมเลนส์ XC 15-45mm F3.5-5.6 O.I.S. PZ)

   

Fujifilm X-T30

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ X-Trans BSI CMOS 4 ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 26.1 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส Hybrid AF เลือกได้ 425 จุด
  • ISO 160-12800 ปรับขยายได้เป็น ISO 80-51200
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K DCI/UHD 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF 2,360,000 พิกเซล
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3.5 นิ้ว 2,760,000 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless X-T-series ระดับกลางจากฟูจิฟิล์ม โดดเด่นที่ระบบการทำงานที่ก้าวหน้า ตอบสนองได้ดี ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และบันทึกวิดีโอ โดยบันทึกด้วยคุณภาพระดับ 4K DCI/UHD 30p พร้อม F-log สำหรับการนำไปปรับแต่งเพิ่มเติมในภายหลัง และส่งผ่านข้อมูลได้เร็วถึง 200 mbps รวมทั้งยังส่งข้อมูลแบบ 4:2:2 ระดับสี 10-bit เมื่อใช้เครื่องบันทึกเสริมภายนอก

ตัวกล้องมาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพ X-Trans BSI CMOS 4 ขนาด APS-C ความละเอียด 26.1 ล้านพิกเซล และประมวลผลด้วย X-Processor 4 หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง ช่วยให้กล้องตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว ให้ไฟล์ภาพที่คมชัด ถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม รวมทั้งใสเคลียร์ มี Noise ต่ำ ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ก็ตาม ซึ่งสามารถเลือกใช้งานความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto ให้กล้องปรับให้ตามความเหมาะสม หรือปรับตั้งเองตั้งแต่ ISO 160-12800 สามารถปรับขยายได้เป็น ISO 80-51200

จุดเด่นหนึ่งของกล้อง Fujifilm คือ มีรูปแบบจำลองฟิล์มชั้นนำของฟูจิ หรือ Film Simulation ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นที่มีอยู่ในกล้องทุกๆ รุ่น ช่วยให้ได้โทนภาพในรูปแบบฟิล์ม อาทิ Provia ให้สีสันที่อิ่มตัว ให้คอนทราสต์ยอดเยี่ยม, Velvia ให้สีสันที่อิ่มตัวมากขึ้น สำหรับภาพแนว Landscape หรือ Astia ให้โทนภาพที่นุ่มนวล สำหรับถ่ายภาพบุคคล นอกจากนี้ X-T30 ยังมี Film Simulation แบบใหม่ นั่นคือ Etherna จำลองรูปแบบคล้ายๆ กับฟิล์มภาพยนตร์ หรือ Classic Chrome ให้โทนภาพที่ดูเคร่งขรึม คล้ายๆ กับฟิล์มสไลด์ ซึ่ง Film Simulation แบบต่างๆ นั้น เป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกล้อง Fujifilm นั่นเอง

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 34,990 บาท (รวมเลนส์ XC 15-45mm F3.5-5.6 O.I.S. PZ)

Nikon Z50

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ BSI CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัสแบบ Hybrid Phase/Contrast Detection มีจุดโฟกัส 209 จุด
  • ISO 100-51,200 ปรับขยายได้เป็น ISO 50-204,800
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
  • จอ LCD 3.2 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ปรับระดับได้ และควบคุมด้วยระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Z-series ที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C ใช้เมาท์เลนส์ Z-mount แบบเดียวกับรุ่นพี่ Z6 และ Z7 เพียงแต่เลนส์ที่ใช้ให้เหมาะสมก็คือเลนส์ Z-mount ที่ออกแบบสำหรับเซ็นเซอร์ APS-C แต่ก็ยังสามารถใช้เลนส์ Z-mount สำหรับกล้องฟูลเฟรม รวมทั้งเลนส์ F-mount ได้เช่นเดิม เพียงแต่มุมรับภาพ หรือทางยาวโฟกัสเทียบเท่าของเลนส์จะเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้นเอง

ตัวกล้องมาพร้อมเซ็นเซอร์ BSI CMOS ความละเอียด 20.9 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล EXPEED 6 ช่วยให้ตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็วฉับไวมากขึ้น และให้ไฟล์ภาพเคลียร์ใส ปราศจาก Noise รบกวน ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยปรับช่วงความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto หรือปรับตั้งเอง ISO 100-51,200 และสามารถปรับขยายได้เป็น ISO 204,800 ช่วยให้ใช้งานด้วยการใช้มือถือกล้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ โดยไม่ใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้องสะดวกมากขึ้น

Z50 ใช้จอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040,000 ล้านพิกเซล ปรับระดับเพื่อถ่ายภาพมุมมองต่างๆ ได้ และปรับหมุนลงด้านล่างตัวกล้องเพื่อถ่ายภาพ selfies รวมทั้งบันทึกวิดีโอ Vlog ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถปรับควบคุมการทำงานผ่านระบบสัมผัส ซึ่งช่วยให้ใช้งานกล้องได้สะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังเลือกจัดองค์ประกอบภาพได้ทั้งผ่านจอมอนิเตอร์ หรือจากวิวไฟน์เดอร์ EVF ความละเอียด 2,360,000 ล้านพิกเซลได้ด้วยเช่นกัน

ด้านโหมดวิดีโอนั้น บันทึกด้วยคุณภาพ 4K UHD เฟรมเรท แบบไม่มีครอปตัดส่วน หรือบันทึก Full HD 1080p เฟรมเรท 120 เฟรมต่อวินาที เพื่อเปิดชมภาพแบบ Slow Motion สามารถบันทึกรูปแบบไฟล์ได้ทั้ง MOV และ MP4 และตัวกล้องยังมาพร้อม port สำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟนเสริม เพื่อการบันทึกเสียงที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 28,900 บาท (เฉพาะบอดี้), 33,800 บาท (รวมเลนส์ Z 16-50mm), 42,900 บาท (รวมเลนส์ Z16-50mm+50-250mm)

     

Olympus OM-D E-M10 III

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ LiveCMOS ฟอร์แมท Micro Four Thirds
  • ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส Hi-Speed Imager AF จุดโฟกัส 121 จุด
  • ISO 200-25,600 ปรับลดลงได้เป็น ISO 100-25600
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
  • จอ LCD 3 นิ้ว 1,040,000 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi ในตัว

กล้อง Mirrorless ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับพกพาติดกระเป๋าไปใช้งานในชีวิตปะจำวันได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องพกพากระเป๋ากล้องไปอีกใบให้เป็นภาระ โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์ LiveMos ฟอร์แมท Micro Four Thirds ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล TruePic VIII เช่นเดียวกับเรือธงรุ่นพี่ จึงตอบสนองการใช้งานที่รวดเร็วฉับไวเช่นเดียวกัน

E-M10 mark III ออกแบบโหมดถ่ายภาพให้ใช้งานได้ง่ายๆ สำหรับมือใหม่และผู้ที่เริ่มต้นใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบจริงๆ จังๆ และไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ตาม อาทิ โหมด Auto ที่กล้องจะคำนวณค่าทุกอย่างให้อัตโนมัติ, โหมด Scene เลือกรูปแบบภาพอัตโนมัติ ตามตัวอย่างภาพที่ต้องการ เช่น รูปคน หรือ People สำหรับถ่ายภาพบุคคล, รูปวิว หรือ Landscape สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์, รูปคนเล่นกีฬา หรือ Motion สำหรับถ่ายภาพกีฬา เป็นต้น, โหมด Advance Photo สำหรับตั้งค่าการถ่ายภาพระดับโปร เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น อาทิ Live Composite ช่วยให้สามารถดูการตั้งค่าการถ่ายภาพเส้นไฟบนถนนแบบ Realtime, Muti Exposure ช่วยให้ถ่ายภาพซ้อนเป็นเรื่องง่ายๆ และจัดวางตำแหน่งการซ้อนได้สะดวกขึ้น หรือ Focus Bracketing เป็นการถ่ายภาพหลายๆ ภาพ โดยการขยับช่วงโฟกัสแตกต่างกัน เพื่อเลือกจุดโฟกัสที่เหมาะสมในภายหลัง, โหมด Art Filter ช่วยให้สร้างสรรค์ภาพด้วยเอฟเฟคต์พิเศษที่แตกต่างไปจากรูปแบบภาพปกติได้หลายแบบ

ตัวกล้องมาพร้อม Wi-Fi สหรับโอนถ่ายไฟล์ภาพไปยังสมาร์ทโฟนผ่านแอพลิเคชั่น Olympus Image Share เพื่อแชร์ไปยังโซเชี่ยลต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวมทั้งเพิ่ม tag Location สำหรับตรวจสอบตำแหน่งของภาพถ่ายในภายหลังได้เช่นกัน รวมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนให้เป็นรีโมทคอนโทรลสำหรับการถ่ายภาพได้อีกด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 29,990 บาท (รวมเลนส์ M-Zuiko ED 14-42mm F3.5-5.6 EZ)

   

Panasonic Lumix G95

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ LiveCMOS ฟอร์แมท Micro Four Thirds
  • ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส DFD Contrast Detection มีจุดโฟกัส 49 จุด
  • ISO 200-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-25,600
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
  • จอ LCD 3 นิ้ว 1,240,000 พิกเซล ปรับหมุนได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless ฟอร์แมท Micro Four Thirds ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ LiveMos แบบไม่มี Low Pass Filter ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล ถ่ายทอดรายละเอียดของภาพได้อย่างคมชัด ปรับปรุงตัวบอดี้ให้จับถือ และควบคุมการทำงานให้สะดวกกว่ารุ่นเดิม รวมทั้งเพิ่มความละเอียดของช่องมองภาพแบบ OLED EVF เป็น 2,360,000 พิกเซล และโดดเด่นด้วยระบบป้องกันการสั่นไหวในตัว Dual IS 2 ทำงานผสานกันระหว่างระบบกันสั่นในตัวกล้องกับระบบกันสั่นในตัวเลนส์ ช่วยให้ชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 5 สตอปจากความเร็วชัตเตอร์ปกติ ทำให้สะดวกในการถทอกล้องด้วยมือ และถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยๆ เพื่อเก็บบรรยากาศในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี

ระบบโฟกัสของ G95 ก็เป็นอีกหนึ่งในความโดดเด่น ซึ่งเป็นแบบ DFD Contrast Detection พร้อมจุดโฟกัส 49 จุด ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลการโฟกัสไปยังหน่วยประมวลผลด้วยความเร็ว 240 เฟรมต่อวินาที ทำให้สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แม้จะเป็นการถ่ายภาพแบบแอ๊คชั่นที่มีการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วก็ตาม

ตัวกล้องตอบสนองการถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องด้วยความเร็วที่ 9 fps ด้วยการล็อคโฟกัสและค่าแสงในเฟรมแรก หรือเมื่อเลือกเป็นการโฟกัสและวัดแสงแบบต่อเนื่องด้วย จะถ่ายภาพได้ด้วยความเร็ว 6 fps ส่วนวิดีโอนั้นมาพร้อมฟีเจอร์ V-Log L และบันทึกด้วยคุณภาพ UHD 4K ความเร็ว 30p และ 24p โดยไม่จำกัดเวลาบันทึก นอกจากนี้ยังสามารถส่งไฟล์วิดีโอ 8bit แบบ 4: 2: 2 ผ่านสาย HDMI เพื่อไปยังเครื่องบันทึกภายนอกได้ รวมทั้งมีทั้งช่องไมโครโฟนและหูฟัง สำหรับการใช้งานที่ซีเรียสมากขึ้นด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 34,990 บาท (เฉพาะบอดี้), 37,990 บาท (รวมเลนส์ G-Vario 14-42mm F3.5-5.6 Mega O.I.S.)

  

Panasonic Lumix GX9

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ LiveCMOS ฟอร์แมท Micro Four Thirds
  • ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล
  • ระบบโฟกัส DFD Contrast Detection
  • ISO 200-25,600 ปรับขยายได้เป็น ISO 100-25,600
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K 30p
  • Clean HDMI
  • วิวไฟน์เดอร์ OLED EVF ความละเอียด 2.76 ล้านพิกเซล ปรับระดับได้
  • จอ LCD 3 นิ้ว 1.24 ล้านพิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ Blutooth ในตัว

กล้อง Mirrorless GX-series ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานระดับมืออาชีพ โดดเด่นที่วิวไฟน์เดอร์ EVF ความละเอียดสูงถึง 2.76 ล้านพิกเซล แบบปรับระดับได้ ช่วยให้จัดอง์ประกอบภาพผ่านวิวไฟน์เดอร์สะดวกมากขึ้น จากมุมมองต่างๆ นอกเหนือไปจากมองผ่านจอมอนิเตอร์ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีปัญหากับเงาสะท้อนได้นั่นเอง

ตัวกล้องมาพร้อมเซ็นเซอร์ Micro Four-thirds ฟอร์แมท Micro Four-thirds ความละเอียด 20.3 ล้านพิกเซล ตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว จากการทำงานของหน่วยประมวลผล Venus Engine ซึ่งให้ไฟล์ภาพที่คมชัด และใสเคลียร์ มี Noise ต่ำ แม้จะถ่ายภาพที่ความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยสามารถปรับตั้งความไวแสงได้ทั้งแบบ Auto และปรับตั้งเองตั้งแต่ ISO 200-51200 และปรับขยายได้เป็น ISO 100-51200

จุดเด่นอย่างหนึ่งของ GX9 คือ มีระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวแบบ Dual IS2 ที่ผสานการทำงานระหว่างระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวกล้อง กับระบบป้องกันการสั่นไหวในตัวเลนส์ ช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมากขึ้น สามารถถือกล้องถ่ายภาพด้วยมือ ใช้งานในสภาพแสงน้อยๆ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติได้อย่างสะดวกมากขึ้น ทั้งการบันทึกภาพนิ่ง และวิดีโอ โดยโหมดวิดีโอ สามารถบันทึกด้วยคุณภาพ 4K 30p และ 25p ส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 100 mbps นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอีกมากมาย อาทิ Photo 4K ถ่ายภาพนิ่งต่อเนื่องความเร็วสูง และมี Wi-Fi กับ Blutooth ในตัว ช่วยให้โอนถ่ายไฟล์ภาพจากตัวกล้องมายังสมาร์ทโฟนเพื่อนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 34,990 บาท (เฉพาะบอดี้), 37,990 บาท (รวมเลนส์ G-Vario 12-32mm F3.5-5.6 Power O.I.S.)

   

Pentax KP

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 24.32 ล้านพิกเซล effective
  • หน่วยประมวลผล PRIME IV
  • โมดูลโฟกัสอัตโนมัติ SAFOX 11 จุดโฟกัส 25 จุด (Cross-type 22 จุด)
  • ISO 100-32000 ปรับขยายได้เป็น ISO 102400
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ Full HD 30p
  • ไม่มี Clean HDMI
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3 นิ้ว 921,000 พิกเซล ปรับระดับได้
  • มี Wi-Fi และ NFC ในตัว

กล้อง DSLR ขนาดกลางจาก Pentax มาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานที่โดดเด่นหลายอย่าง อาทิ ใช้เซ็นเซอร์ภาพที่ไม่มี AA Filter ช่วยให้ถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ของภาพได้ดีขึ้น ตัวกล้องซีลป้องกันน้ำและฝุ่นละอองกว่า ช่วยให้นำไปใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งฝุ่นควัน, ท่ามกลางหิมะและอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส หรือแม้กระทั่งถ่ายภาพกลางฝนก็ตาม

ตัวกล้องมาพร้อมความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล จากเซนเซอร์รับภาพแบบ CMOS ขนาด APS-C ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่ไม่มี AA Filter ขวางอยู่ด้านหน้า ทำให้สามารถถ่ายทอดรายละเอียดขนาดเล็กได้ดียิ่งขึ้น โดยเซ็นเซอร์ที่ไม่มี AA Filter อาจจะทำให้การเปิดชมภาพนั้นๆ เกิด Moire’ หรือรอยหยักๆ ขึ้นมาได้ ตัวกล้องจึงมีฟีเจอร์ AA filter simulator ให้เลือกใช้งาน โดยเมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ก็จะทำให้รอยหยักต่างๆ นั้นหายไป ช่วยให้ชมภาพได้อย่างสบายตามากขึ้นนั่นเอง

ตัวกล้องมาพร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว SR II แบบ 5 แกน ช่วยชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 5 สตอป หรือช่วยให้สามารถถือกล้องถ่ายภาพด้วยมือ ในสภาพแสงน้อยๆ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่าปกติ 5 สตอป แล้วยังคงได้ภาพที่คมชัดตามที่ต้องการนั่นเอง และอีกหนึ่งประโยชน์ของ SR II คือ นำมาใช้งานกับฟีเจอร์ Pixel Shift Resolution โดยกล้องจะถ่ายภาพทั้งหมด 4 ภาพ ล้วนำมาประมวลผลใหม่ให้เป็นภาพเดียวที่ให้รายละเอียดและความคมชัดได้อย่างยอดเยี่ยม เหนือกว่ากล้อง APS-C อื่นๆ นั่นเอง

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 42,990 บาท (รวมเลนส์ DA 18-135mmF3.5-5.6ED AL[IF] DC WR)

   

Sony A6100

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ Exmor CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล effective
  • ระบบโฟกัส Fast Hybrid AF 425 จุด
  • ISO 100-32000 ปรับขยายได้เป็น ISO 102400
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 25p
  • Clean HDMI
  • ช่องมองภาพ XGA OLED ความละเอียด 1,440,000 พิกเซล
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3 นิ้ว 921,600 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ NFC ในตัว

ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกล้อง Mirrorless ตระกูล 6xxx-series ที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ตั้งแต่มือใหม่ ไปจนถึงระดับมืออาชีพ ที่ต้องการกล้องที่โดดเด่น และมีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบครัน จะใช้เป็นกล้องหลัก หรือกล้องสำรอง ก็ตอบสนงการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดดเด่นด้วยจอมอนิเตอร์ขนาด 3 นิ้ว ที่สามารถพับกลับมาด้านหน้า เพื่อถ่ายภาพ Selfies รวมทั้งใช้เป็นกล้อง Vlog เพื่อทำ Video Content ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ตัวกล้องใช้เซ็นเซอร์ Exmor CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ประมวลผลการทำงานที่รวดเร็วด้วย BIONZ X หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง ให้ไฟล์ภาพที่คมชัด มีไดนามิกเรนจ์กว้าง ถ่ายทอดรายละเอียดต่างๆ ทั้งในโทนมืดและโทนสว่างได้เป็นอย่างดี รวมทั้งให้ไฟล์ภาพที่ใสเคลียร์ แม้จะถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยสามารถเลือกปรับตั้งความไวแสงได้ทั้งโหมด Auto ให้กล้องปรับตั้งให้ตามความเหมาะสม หรือปรับตั้งเองตามการใช้งานตั้งแต่ ISO 100-32000 และปรับขยายได้สูงถึง ISO 102400 เพื่อให้สามารถถือกล้องถ่ายภาพได้ในสภาพแสงน้อยๆ หรือเมื่อต้องการความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้นนั่นเอง

นอกจากภาพนิ่งแล้ว A6100 ยังบันทึกวิดีโอด้วยคุณภาพ 4K UHD 25p และเลือกเป็น Full HD 120p เพื่อเพลย์ภาพในรูปแบบ Slow Motion ได้อีกด้วย ซึ่งเลือกรูปแบบเพลย์ได้ 4x และ 5x นอกจากนี้ ยังส่องข้อมูลรูปแบบ 4:2:2 เพื่อบันทึกไปยังเครื่องบันทึกข้อมูลภายนอกได้

จุดที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ ระบบโฟกัส 4D Focus ตอบสนองการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำใน 0.02 วินาที รวมทั้งมีระบบ Realtime Eye AF ที่ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น โดยช่างภาพเพียงวางองค์ประกอบที่สวยงามตามที่ต้องการเท่านั้น ส่วนเรื่องของการปรับโฟกัส ให้ระบบ Eye AF จัดการให้เอง

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 29,990 บาท (รวมเลนส์ E 16-50mm F3.5-5.6 PZ OSS)

Sony A6400

จุดเด่น

  • เซ็นเซอร์ Exmor CMOS ขนาด APS-C
  • ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล exfective
  • หน่วยประมวลผล BIONZ X
  • ระบบโฟกัส Fast Hybrid AF 425 จุด
  • ISO 100-32,000 ปรับขยายได้เป็น ISO 102,400
  • บันทึกวิดีโอคุณภาพ 4K UHD 25p
  • ช่องมองภาพ XGA OLED ความละเอียด 2,360,000 พิกเซล
  • จอมอนิเตอร์ TFT LCD 3 นิ้ว 921,600 พิกเซล ปรับระดับได้ ควบคุมระบบสัมผัส
  • มี Wi-Fi และ NFC ในตัว

กล้อง Mirorless ที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาด APS-C มีฟีเจอร์การทำงานที่ก้าวหน้า ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว มาพร้อมเซ็นเซอร์ Exmor แบบ BSI CMOS ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล ตอบสนองการทำงานที่รวดเร็วจากประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล BIONZ X ให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูงที่มีความคมชัด และถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน รวมทั้งมี Noise ต่ำ แม้จะถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูงๆ ก็ตาม โดยสามารถเลือกได้ทั้งแบบ Auto หรือปรับตั้งเองตั้งแต่ ISO 100-32000 และปรับเพิ่มได้สูงถึง ISO 102400 ช่วยให้บันทึกภาพในสภาพแสงน้อยๆ ได้สะดวกขึ้น

ระบบโฟกัสเป็นแบบ Fast Hybrid AF ปรับโฟกัสอัโนมัติแบบ Phase และ Contrast Detection มีจุดโฟกัส 425 จุด ครอบคลุมเฟรมภาพได้ทั้งแนวนอน และแนวตั้ง ตอบสนองการโฟกัสได้อย่างรวดเร็วฉับไว พร้อมเทคโนโลยีในการโฟกัสแบบล่าสุด Realtime Eye AF และ Realtime AF Tracking ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องพะวงกับการปรับโฟกัส เพราะเพียงแค่เล็งกล้องไปที่ใบหน้าบุคคล กล้องจะจับโฟกัสที่ดวงตาให้โดยอัตโนมัติ ช่างภาพเพียงแค่เล็งจัดองค์ภาพตามที่ต้องการ แล้วกดชัตเตอร์เท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังปรับโฟกัสติดตาม เมื่อซับเจคต์มีการเคลื่อนที่อีกด้วย

A6400 บันทึกด้วยคุณภาพ 4K UHD 25p รองรับ HLG หรือ Hybrid Log-Gamma ให้ไดนามิกเร้นจ์ที่กว้าง มีความยืดหยุ่นในการถ่ายทอดโทนภาพที่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เด่น นั่นคือ จอมอนิเตอร์ยังสามารถพับกลับมาด้านหน้าได้ 180 องศา เหมาะสำหรับถ่ายภาพ Selfies รวมทั้งสำหรับบันทึกวิดีโอของชาว Vlogger ด้วยเช่นกัน รวมทั้งมี port สำหรับต่อไมโครโฟนเสริม เพื่อบันทึกเสียงที่ให้คุณภาพสูงมากขึ้นอีกด้วย

ราคา (จากบริษัทผู้ผลิต) : 32,990 บาท (เฉพาะบอดี้), 36,990 บาท (รวมเลนส์ E 16-50mm F3.5-5.6 PZ OSS)

 

รวมกล้องสุดคุ้ม ราคาไม่เกิน 20,000 คลิ๊ก!!