Shooting Destination

ท่องเที่ยววิถีไทย : ตามไปดู งานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง

อำเภอชุมแสง อำเภอเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดที่รู้กันว่ามีความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่มังกรในเทศกาลตรุษจีนแห่งหนึ่งของบ้านเรา จากความเชื่อและศรัทธาที่ยึดถือกันมานาน โดยงานแห่ “เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง” นั้น ถือกำเนิดขึ้นจากความศรัทธาในอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ที่ได้ช่วยปกป้องคุ้มครองชาวชุมแสงจากภยันตรายจากไฟไหม้มาหลายๆ ครั้ง จึงได้จัดงานขึ้นเพื่อแสดงถึงความความกตัญญูและสำนึกในบุญคุญของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่นั่นเอง

สำหรับประวัติความเป็นมาของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสงนั้น ว่ากันว่า ในครั้งอดีตกว่า 100 ปีที่ผ่านมา สมัยนั้นการเดินทางไปทำมาค้าขายกับต่างถิ่น ยังคงใช้เรือและรถไฟเป็นหลัก และโดยที่ชุมแสงตั้งอยู่ริมแม่นํ้าน่าน การเดินทางโดยเรือจึงเฟื่องฟูมาก ตามริมนํ้าในตลาดจึงมีเรือนแพมากมายหลายหลัง และเรือค้าขายแวะเวียนกันเข้ามาไม่ได้ขาด

ในครั้งนั้น ได้มีท่อนซุงขนาดใหญ่ลอยนํ้ามาติดอยู่ที่ปากคลองจระเข้เผือก และติดอยู่อย่างนั้น ไม่ลอยไปที่อื่น จากนั้น ได้มีชายไปเข้าฝันชาวตลาดให้นำท่อนไม้นั้นขึ้นมา และแกะสลักเป็นรูปเจ้าพ่อ เพื่อให้เจ้าพ่อได้มาสถิตย์อยู่ และช่วยปกป้องโพยภัยให้กับชาวตลาดชุมแสง ชาวตลาดจึงได้ทำตาม และสร้างศาลเจ้าให้ริมปากคลองจระเข้เผือก ซึ่งเป็นป่าไผ่ และมีอสรพิษอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเรียกศาลเจ้านั้นว่า “ศาลเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก”

ต่อมา เจ้าพ่อได้เข้าฝันชาวตลาดอีกครั้ง โดยบอกว่าพบรักกับเจ้าแม่เกยชัย (ซึ่งเป็นชื่อตำบลหนึ่งในอำเภอชุมแสง) และให้ชาวตลาดไปสู่ขอให้ หลังแต่งงาน ก็ได้อัญเชิญเจ้าแม่เกยชัยมาอยู่ด้วย และได้แกะสลักไม้เป็นรูปแจ้าแม่คู่กับเจ้าพ่อ และเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น “ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง” มาจนถึงทุกวันนี้ และศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ก็ได้รับการบูรณะใหม่อยู่ตลอดเวลา ถือเป็นหนึ่งในศูนย์รวมความศรัทธาของชาวชุมแสงด้วยเช่นกัน

สำหรับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสงที่ชาวตลาดได้ประจักษ์คือ คืนหนึ่งในอดีต มีเรือนแพที่เป็นปั๊มนํ้ามันชื่อว่า “สุนทรภัณฑ์” ได้เกิดไฟไหม้ขึ้น ในขณะที่ชาวตลาดกำลังตกใจกัน ชุลมุนวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีผู้พบเห็นว่า มีคนแก่ชาวจีน หญิง-ชาย ใส่ชุดขาว ได้ผลักแพปั๊มนํ้ามันที่กำลังเกิดเพลิงลุกไหม้นั้น ให้ลอยออกไปกลางแม่นํ้า และใช้มือจับไฟที่ไหม้จนดับลง ทำให้ไฟไม่ลุกลามไปยังเรือนแพหรือบ้านเรือนหลังอื่นในตลาด ซึ่งชาวตลาดก็เชื่อกันว่าชาย-หญิงชาวจีนที่มาช่วยนั้นคือเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสงนั่นเอง รุ่งขึ้น จึงได้นำเครื่องเซ่นไหว้ไปถวายกันมากมาย และหลังจากนั้นก็ได้มีการจัดงานใหญ่ถวายเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ผมและทีมงาน เดินทางไปยังอำเภอชุมแสงด้วยรถครอบครัวเอนกประสงค์ Toyota Innova Crysta 2.8V AT ซึ่งเป็นรถที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด และเพียบพร้อมไปด้วยระบบความปลอดภัยต่างๆ อย่างครบครัน ตัวรถออกแบบได้สวยงามสะดุดตาดีทีเดียว ตั้งแต่กระจังด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ พร้อมคาดด้วยเส้นแถบที่ลากยาวไปจรดกับไฟหน้าทั้งสองข้างแบบ Projector ที่ออกแบบรูปโคมให้เรียวยาวดูคมเข้มมากขึ้น และมาพร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED ตํ่าลงไปเป็นชุดไฟเลี้ยวพร้อมไฟตัดหมอก ส่วนกระจกมองข้างเป็นแบบปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างที่ฝังไว้ด้านล่างของกรอบกระจกมองข้าง ซึ่งจะส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตู ส่วนชุดไฟท้ายก็ออกแบบได้สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยไฟเลี้ยวเป็นแบบสามเหลี่ยมยื่นต่อจากชุดไฟเบรกและไฟถอยคล้ายๆ รูปตัว L วางควํ่า ด้านบนกระจกท้ายออกแบบให้มีสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก ส่วนบนหลังคาเป็นเสาอากาศแบบครีบฉลาม ดูสปอร์ตและปราดเปรียวมากขึ้นด้วย

Toyota Innova Crysta 2.8V AT นั้นเป็นรุ่นท๊อป ซึ่งใช้กุญแจแบบ Keyless Smart Entry สามารถเปิดประตูรถได้โดยการพกกุญแจไว้กับตัวและแตะที่ปุ่มบนมือจับเพื่อเปิดประตูรถได้เลย ส่วนการล็อกก็สามารถกดปุ่มบนมือจับเพื่อล็อกรถได้เช่นกันครับ สำหรับที่นั่งคนขับนั้น ปรับได้แบบไฟฟ้า 8 ระดับ สะดวกกับการใช้งานดีทีเดียว เบาะทุกที่นั่งเป็นเบาะหนังทั้งหมด รวมทั้งเบาะเสริม 2 ที่นั่งด้านหลังสุด ที่ออกแบบให้ปรับใช้งานหรือพับเก็บได้อย่างสะดวกแบบ One Touch Space Up คอนโซลหน้าออกแบบได้สวยงาม และดูเรียบง่าย สะดวกกับการใช้งานดีเช่นกัน การวางตำแหน่งของปุ่มปรับต่างๆ ให้ใช้งานได้สะดวกทั้งการปรับจากตำแหน่งคนขับเอง หรือปรับจากที่นั่งข้างคนขับด้วย ตรงกลางเป็นจอ LCD ระบบสัมผัส สำหรับปรับ การทำงานต่างๆ อาทิ ระบบนำทาง, วิทยุ, เครื่องเล่น DVD หรือการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เพื่อดูหนังและฟังเพลงครับ

Toyota Innova Crysta 2.8V AT ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 1GD-FTV ความจุ 2800 ซีซี ให้พละกำลัง 174 แรงม้า และแรงบิด 360 นิวตั้น-เมตร ที่ 1200-3400 รอบต่อวินาที เพียงพอที่จะพาผมและทีมงานโลดแล่นไปในทุกเส้นทางอย่างสบายๆ ทีเดียว ช่วงล่างเซ็ตอัพได้นุ่มและเกาะหนึบดีทีเดียว ไม่ออกอาการโยนหรือโคลงให้เวียนหัวเมื่อต้องเข้าโค้ง ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 7 สปีด สามารถปรับชิฟท์ขึ้นหรือลงได้จากคันเกียร์ ซึ่งเป็นระบบที่ผมค่อนข้างถูกใจ เพราะช่วยให้การขับขี่สนุกมากขึ้น รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนเกียร์เอง เมื่อต้องการแรงฉุดที่มากขึ้น ในกรณีที่ขึ้นเขาหรือขึ้นทางชัน ซึ่งจะเรียกรอบเครื่องมาได้รวดเร็วมากกว่าการขับขี่แบบออโต้ปกติ ช่วยให้การเร่งแซงทำได้รวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย

จากถนนสายเอเชียก่อนเข้าตัวเมืองนครสวรรค์ ผมเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหมายเลข 225 เป็นเส้นทางเลนส์คู่ รถวิ่งสวนทางกัน และมีทางโค้งอยู่หลายช่วง บางช่วงก็เป็นเขตห้ามแซง และเนื่องจากเป็นถนนสายหลัก จึงมีผู้ใช้เส้นทางกันค่อนข้างหนาแน่น ดังนั้นการตอบสนองของอัตราเร่งจึงมีความสำคัญสำหรับการเร่งแซงให้รวดเร็วฉับไว ซึ่ง Toyota Innova Crysta 2.8V AT สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบปกติสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไป และเลือกโหมดขับขี่เพิ่มเติมได้อีก 2 แบบคือ ECO Mode และ Power Mode โดย ECO ก็เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการความประหยัด ไม่เน้นการเร่งแซง หรือใช้ความเร็วสูงมากนัก ส่วน Power ก็เป็นโหมดที่ต้องการเพิ่มพละกำลังในการนำพาตัวรถให้พุ่งไป ข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วฉับไว ซึ่งเป็นโหมดที่ผมใช้บ่อยร่วมกับการปรับชิฟท์เกียร์เองแบบแมนนวล เมื่อต้องการเร่งแซงครับ ซึ่งปุ่มใช้งานก็อยู่ตรงคอลโซลกลางในตำแหน่งที่ตํ่าลงจากชุดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งใช้งานได้สะดวกดีทีเดียวครับ

ขบวนแห่มีทั้งของผู้สนับสนุนการจัดงานและคณะศาลเจ้าต่างๆ

ขบวนแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง เริ่มกันตั้งแต่เช้า โดยมีขบวนแห่หลากหลายชุดทีเดียว ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวชุมชนที่อาศัยอยู่ในอำเภอชุมแสงนั่นแหละครับ ทั้งโรงเรียน หน่วยงานราชการ และเอกชนที่สนับสนุนให้มีการจัดงานขึ้น แต่ละคณะจะแต่งตัวกันสวยงาม ครบเครื่องทรง ดูอลังการมากทีเดียวความสนุกสนาน และความโดดเด่นของงานจะมุ่งไปที่ขบวนเอ็งกอ ที่มีหลายคณะ แต่ละคณะก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว จากเสื้อผ้าและการแต่งกาย รวมทั้งการวาดสีสันบนหน้าตา ขบวนเอ็งกอจะมีการโชว์ที่ตื่นเต้นเร้าใจจากเสียงร้อง จากเสียงกลอง ฉาบ และการเป่าหอย รวมทั้งเสียงนกหวีดให้จังหวะที่พร้อมเพรียงกันด้วย

ตำนานของเอ็งกอ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อสมัย 800 กว่าปีมาแล้ว โดยราชอาณาจักรจีน ในสมัย “พระเจ้าซ้องยินตงฮ่องเต้” สมัยนั้นเกิดโรคระบาด ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระเจ้าซ้องยินตงฮ่องเต้จึงมีบัญชาให้ขุนนางชื่อ “อังซิน” ไปอัญเชิญนักพรต “เตียฮีเจ็งเซียนสือ” ณ สำนักวัดเขาเกาล้งซัวมาช่วย หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดโรคร้ายแล้ว ระหว่างเดินทางกลับ “อังซิน” ได้ผ่านเก๋งจีน สลักชื่อไว้ว่า “ตำหนักขังปีศาจ” และมียันต์ปิดทับอยู่ด้านหน้า

การแสดงท่าทางต่างๆ ของเอ็งกอ

การแสดงกายกรรมที่ต้องมีคู่งานมาโดยตลอดครับ

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อังซิน” จึงได้แกะยันต์ที่ประตูออกและเปิดเข้าไป ทันทีที่เปิดประตู ก็มีควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากด้านใน ลอยขึ้นไปเหนือประตู และแตกกระจายไปในแปดทิศ ซึ่งควันสีดำนั้น เป็นดวงจิตของทหารที่ดุร้าย 108 ดวง ที่ถูกขังไว้ไม่ให้ไปเกิด เนื่องจากเกรงว่าจะไปสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนนั่นเอง หลังจากที่ถูกปลดปล่อยแล้ว วิญญาณทั้ง 108 ดวงก็ได้ไปจุติใหม่ในอาชีพและสังคมที่แตกต่างกัน

ภายหลัง พระเจ้าซ้องยินตงฮ่องเต้สวรรคต การปกครองในเมืองเกิดระส่ำระสาย ขุนนางเกิดฉ้อราษฎร์ คดโกง ประชาชนเกิดแก่งแย่งชิงดี เหล่านักบู้ผู้มีคุณธรรมถูกกลั่นแกล้งจากขุนนางกังฉิน จนต้องหลบลี้ออกจากเมือง ภายหลังจึงได้ร่วมมือกันทั้ง 108 คน และนัดรวมพลกันที่เขาเหลียงซาน ถือกำเนิดเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน” ทำการก่อกบฏ ปล้นชิงทรัพย์จากขุนนางฉ้อฉล นำมาแจกจ่ายให้กับราษฎรผู้ยากไร้ ความขัดแย้งเริ่มรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นสงครามระหว่างทหารหลวงกับกองโจร

ตำนานผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน เป็นหนึ่งในเค้าโครงของวรรณคดีจีนเรื่อง “ซ้องกั๋ง” ที่ถือเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนซึ่งประพันธ์โดย “ซือไน่อาน” แต่มีเพียง 70 บทเท่านั้น ภายหลัง “หลอกว๊านจง” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของซือไน่อานได้ประพันธ์ต่อจนจบ และหลอกว๊านจงคนนนี้ ก็เป็นผู้ประพันธ์สามก๊กด้วยนั่นเองครับ

เอ็งกอ เป็นการแสดงที่ตัดตอนในช่วงที่นักรบแห่งเขาเหลียงซานทั้ง 108 คน แต่งหน้าอำพรางเป็นนักแสดงขี่ม้าเข้าเมืองเพื่อไปช่วยซ้องกั๋ง หัวหน้าของตนเอง การเขียนหน้าที่มีลวดลายแตกต่างกัน นอกจากจะเป็นการอำพรางใบหน้าที่แท้จริงแล้ว ยังชวนให้ดูน่าเกรงขาม รวมทั้งน่าจะหมายถึงการที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง เอ็งกอของชุมแสงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2495 โดยคณะ เถ่านั๊ง มีเถ้าแก่บักเจี่ย เถ้าแก่ไต่หยู เถ้าแก่หลีเป้ง เถ้าแก่ยุ่งกุ๋น นายวิวัฒน์ แซ่หลู เป็นต้น ได้จัดให้มีคณะเอ็งกอขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากนายนิยม รักไทย และเถ้าแก่เต็กแซ เป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อม (ที่มา : เฟสบุ๊คมูลนิธิเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง)

สีหน้าแววตาที่บ่งบอกถึงความอิ่มเอมที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังศรัทธา

สีหน้าแววตาที่บ่งบอกถึงความอิ่มเอมที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพลังศรัทธา

หัวใจผมเต้นแรงไปตามจังหวะของกลอง และการเคาะไม้ของเอ็งกอ คนถืองู ซึ่งเป็นหัวขบวนนำหน้า และคอยเป่านกหวีดให้จังหวะที่พร้อมเพรียงกัน โดยการแสดงเอ็งกอจะมีท่าทางต่างๆ หลักๆ อยู่ 6 ท่าด้วยกันคือ ท่าจ่อเน้ย เป็นแบบบัวบาน นักแสดงจะล้อมเป็นวง แล้วโยกตัวเข้าหากัน ก่อนที่จะโยกออกเหมือนดอกบัวกำลังบานนั่นเอง

ท่าซึงห่าง เป็นการวิ่งซิกแซก แบบสลับฟันปลา, ท่าแปะซื่อฮวย เป็นการทำท่าเหมือนดอกไม้บาน, ท่าชั่งหล่อฮุย เป็นการวิ่งวนเป็นก้นหอย, ท่าโป้ยหล่อกวง เป็นการแยกจับคู่เป็นเลขแปด, ท่าซั่งฮั่ง เป็นการวิ่งรับกันเป็นคู่ๆ ซึ่งระหว่างที่ดูๆ พร้อมกับถ่ายภาพไปด้วยนั้น ยอมรับจริงๆ ครับ ว่าบางทีก็ดูไม่ออกว่าคือท่าอะไร ..อิ อิ..

สำหรับเครื่องแต่งกายของเอ็งกอนั้น จะมีหมวก, ผ้าโพกหัว, ผ้าที่อก, ผ้าคาดเอวและสนับแข้ง ส่วนรองเท้าบางคณะก็แล้วแต่สะดวกละมั๊งครับ เพราะเห็นมีหลากหลายแบบ แต่บางคณะก็เป็นแบบเดียว สีเดียวกันทั้งหมด เพื่อความสวยงาม และกลมกลืนกันนั่นเอง นอกจากเอ็งกอแล้ว ยังมีการแสดงอีกอย่างหนึ่งที่ควบคู่กันไป นั่นคือ “พะบู๊” ซึ่งเป็นการแสดงการต่อสู้ด้วยอาวุธจีนโบราณนั่นเอง แต่ผมว่าเอ็งกอจะดูเร้าใจมากกว่าครับ

เป็นอีกสีสันที่ขาดไม้ได้ครับสำหรับงานนี้ นั่นคือการเชิดสิงโตนั่นเองครับ

จากที่เริ่มแห่กันในช่วงเช้า ขบวณจะมาโชว์กันที่ลานหน้าศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสงในช่วงคํ่า ที่นี่จะมีผู้ชมมารอคอยชมการแสดงอย่างแน่นขนัดทีเดียว ผมมาช้าไปหน่อยเดียว เกือบจะแทรกตัวเข้าไปข้างหน้าไม่ได้ การแสดงที่นี่ก็จะคล้ายๆ กับการแสดงในขบวณแห่ช่วงแรก แต่ไม่ได้ขยับไปไหน แสดงอยู่ในบริเวณลานเท่านั้นเองครับ แต่ก็ยังคงสนุกเร้าใจอยู่เช่นเดิม

สำหรับงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงปลายๆ ปี ซึ่งถ้าหากจะไปเที่ยวชม ก็ขอให้เช็กวันจัดงานที่แน่นอนอีกครั้งครับ ซึ่งงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสงนี้ เป็นงานที่จัดกันต่อเนื่องมายาวนานกว่า 100 ปีแล้วครับ ถือเป็นงานที่ผมขอแนะนำให้ไปเที่ยวชมสักครั้งครับ

ผมกลับออกจากตัวอำเภอชุมแสง เพื่อเดินทางเข้าที่พักในตัวเมืองนครสวรรค์ ซึ่งถึงแม้ว่า Toyota Innova Crysta 2.8V AT จะถูกออกแบบให้เป็นรถครอบครัว ที่แน่นอนว่าก็ต้องมีขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่ารถเก๋งทั่วๆ ไป แต่กลับตอบสนองการขับขี่ได้อย่างคล่องตัวดีทีเดียว โดยเฉพาะพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ช่วยผ่อนแรง เมื่อต้องขับขี่ในเมืองที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่น หรือเมื่อเดินทางในซอยเล็กซอยน้อยต่างๆ รวมถึงการถอยเข้าจอดด้วย รวมทั้งยังเป็นพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่สามารถควบคุมการแสดงผลที่หน้าจอบนแผงหน้าปัทม์ และควบคุมเครื่องเสียงได้ด้วย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth สามารถรับสายเรียกเข้าจากปุ่มบนพวงมาลัยได้อย่างไม่ต้องพะวงกับการจับถือโทรศัพท์อีกด้วยทริปหน้า จะพาไปชมศิลปะวัฒนะธรรมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และหาชมได้ค่อนข้างยาก นั่นคือ หนังใหญ่วัดขนอน ที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีครับ แล้วพบกันฉบับหน้านะครับ

..สวัสดีครับ


การเดินทาง

จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 32 ตรงเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ ผ่านค่ายจิระประวัติ ก่อนเข้าตัวเมืองให้เลี้ยวขวาไป
ยังเส้นทางหมายเลข 225 แล้ววิ่งตามทางหลักไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะถึงตัวอำเภอชุมแสง

เรื่อง / ภาพ : กองบรรณาธิการ
ขอขอบคุณ… บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด

 


อย่าลืมกด Like เพจ FOTOINFO เพื่อติดตามและอัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อย่างทันท่วงทีกันนะคร๊าบ ^^


หากเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกดไลค์และแชร์ด้วยนะครับ
FOTOINFO มี LINE@ OFFICIAL แล้ว !!! อย่าลืมแอดไลน์ @FOTOINFO (หรือสแกน QR Code ในภาพนี้)

? ขอบคุณครับ


ติดตามเทคนิค ความรู้เรื่องการถ่ายภาพ กิจกรรมถ่ายภาพ และสิทธิประโยชน์มากมาย ส่งตรงถึงคุณ ได้ที่นี่ FotoinfoPlus

ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยววิถีไทยที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่

https://test2.fotoinfo.online/travels/shooting-destination/